นักลงทุนต่างชาติ เดินหน้าขายหุ้นไทยต่อเนื่องเฉพาะเดือนเม.ย. ขายสุทธิกว่า 4.69 หมื่นล้าน สูงเป็นอันดับสองรองจากเกาหลีใต้ “ทรีนีตี้” เผยยอดถือครองหุ้นไทยของต่างชาติร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะ “บล.กสิกรไทย” โชว์สถิติ 8 ปีต่างชาติขายรวมกว่า 9.03 แสนล้าน

นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน “นักลงทุนต่างชาติ” ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวมแล้ว 1.62 แสนล้านบาท คิดเป็นเงินดอลลาร์ราว 5 พันล้านดอลลาร์ โดยถือเป็นตลาดที่นักลงทุนต่างชาติเทขายออกมากสุดเป็น “อันดับ 5” ของภูมิภาค ส่วนอันดับหนึ่งได้แก่ “จีน” ซึ่งผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ รองลงมาคือ “ไต้หวัน” ขายสุทธิ 1.77 หมื่นล้านดอลลาร์ อันดับสาม “เกาหลีใต้” 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์ และ อันดับสี่ “อินเดีย” ขายสุทธิ 7 พันล้านดอลลาร์ 

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทรีนีตี้  กล่าวว่า เฉพาะเดือนเม.ย.นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยรวม 4.69 หมื่นล้านบาท หรือราว 1.4 พันล้านดอลลาร์สูงเป็นอันดับสองรองจากเกาหลีใต้ที่ถูกเทขาย 4 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติลดลงเหลือเพียง 27.1% เป็นระดับต่ำสุดในประวัติการณ์

ส่วนแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้าย(ฟันด์โฟล) เชื่อว่ายังมีทิศทางไหลออกอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีแรงกดดันสำคัญมาจากมูลค่า(แวลูชั่น) ของตลาดหุ้นไทยที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในเอเชียอื่นๆ ประกอบกับอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ของไทยยังถูกปรับลดลงกว่า 30% ซึ่งก็สูงที่สุดในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช่นกัน 

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเกือบทุกปี รวมมูลค่ากว่า 9.03 แสนล้านบาท มีเพียงปี 2557 ที่มียอดซื้อสุทธิ 7.79 หมื่นล้านบาท ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางปรับตัวขึ้นแรงเหมือนในช่วงที่ผ่านมาคาดว่านักลงทุนต่างชาติคงจะเทขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนปัจจัยลบที่ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ไหลออกนั้น คาดว่าเป็นผลมาจากค่าพีอีของตลาดหุ้นไทยที่เทรดในระดับที่แพงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยปัจจุบันค่าพีอีของไทยเทรดที่ 17-18 เท่า และสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่อยู่ระดับ 14.5 เท่า ซึ่งแตกต่างกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เทรดในระดับต่ำว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี

SOURCE : www.bangkokbiznews.com