ปิดฉากตำแหน่ง “นายธนาคาร” อย่างสมบูรณ์แบบ ของ นายบัณฑูร ล่ำซำ หรือคุณปั้น ประธานกิตติคุณ  (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย ด้วยวัยย่าง 68 ปี พร้อมผันตัวสานต่อโครงการ น่านแซนด์บอกซ์ โครงการรักษาป่าต้นน้ำในจังหวัดน่าน ที่เขาให้ความสนใจทำโครงการนี้มาเป็นเวลากว่า 4-5 ปีแล้ว เพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดน่านที่ถูกทำลายเสียหาย ไปกว่า 28% อย่างเต็มตัว

           เมื่อวันที่ 8 เม.ย.63 นายบัณฑูร ได้ออกมาพูดคุยกับสื่อผ่าน Facebook Live โดยยังคงเสนอวิสัยทัศน์ที่น่าสนใจในช่วงนี้ ว่า ในช่วงเวลาที่ตึงเครียด เดือดร้อน ผมก็ย้อนคิดถึงช่วง 20 ปีก่อน ที่คนไทยเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่ สร้างความเสียหายหนักให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งในช่วงนั้นทุกคนก็พยายามแก้ปัญหา

ผมจำได้ว่า ในช่วงวันที่ 4 ธันวาคม ของทุกปี ในหลงรัชกาลที่ 9 จะทรงออกสมาคมที่ศาลาดุสิดาลัย เพื่อมอบพระราชดำรัสให้กับประชาชนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งในวันนี้ผมมีบุญที่ได้เข้าเฝ้าและรับฟังจากพระองค์โดยตรงซึ่งท่านได้พระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับความพอเพียง  

โดยทรงบอกว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ถ้าวันใดพายุก็อย่าถึงกับล้ม หมายความว่า อย่าทำจนสุดโต่งเกินตัว ต้องมีการเตรียมการ และระมัดระวังซึ่งสิ่งที่พระราชทานไว้ยังก้องอยู่ในความคิดของผมอยู่เสมอ

ดังนั้นเมื่อวิกฤตมา ทั้ง วิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาด ความเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติ ความไม่สงบทางสังคม เหล่านี้จะเป็นพายุหนักที่ทำให้ไทยล่มสลายหรือไม่ คำถามคือ ตอนนี้เราเตรียมการอะไรกันบ้าง

ผ่านมา 20 ปี ผู้คนทั่วไปก็ฟื้นตัวได้ ส่วนสำหรับธนาคารถือว่าฟื้นความเสียหายจากในอดีตมาได้ แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลง มีความเสี่ยงตลอดเวลา คนอยากได้เพียงกำไร  แต่เนื่องจากระบบธนาคารมีโครงสร้างการเงินที่ดี แม้จะมีความถดถอยทางเศรษฐกิจ มีผลกำไรน้อย แต่เชื่อว่าระบบธนาคารยังอยู่ได้ด้วยการวางแผน และเงินทุนสำรองที่ดี 

ซึ่งโรคระบาดครั้งนี้ ก็มีผลกับเศรษฐกิจมาก ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ เชื่อว่ายังรับได้ แต่อาจจะเสียกำไรไปบางส่วน  แต่หัวใจสำคัญตอนนี้ต้องดูว่าสถานการณ์โรคจะยาวนานไหน ขณะที่มาตรการภาครัฐที่เข้มข้นขึ้นทุกวัน จะสามารถสกัดไวรัสได้

หลังจากนี้หากสถานการณ์แพร่ระบาดจบลง ก็ต้องติดตามเรื่องการติดตามสถานการณ์ว่าจะมีการช่วยเหลือประชาชนอย่างไรต่อไป เพื่อให้ทุกคนอยู่รอด มีอาชีพทำกิน ซึ่งอาจจะเป็นพายุลูกใหม่ที่ท้าทายหลังจบโรคระบาด แต่อย่างไรก็ดี ไทยไม่ควรทิ้งงานวิจัย แม้ว่างบอาจจะถูกปรับลดลง แต่ประเทศก็จำเป็นต้องสานต่องานวิจัยต่อไป เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งธนาคารมีแนวคิดในการพัฒนาองค์ความรู้ เช่น องค์ความรู้ด้านการเกษตร โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ในจังหวัด น่าน ถือว่าเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากซึ่งเป็นเรื่องที่ผมให้ความสนใจ ที่รัฐ และเอกชน จะร่วมกันหาทางแก้ปัญหาป่าต้นน้ำน่าน โดยตั้งเป้าให้ประชาชนมีที่ดินทำกินตามกฎหมาย ให้ความรู้ใหม่ ขณะเดียวกันก็ทำผืนป่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ถือว่าเรื่องนี้เป็นฉากใหม่ของชีวิตผม

 

        สำหรับการปิดฉากนายธนาคาร ที่ผมทำงานมานานกว่า 40 ปี ครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของชีวิตผม เพราะผมเห็นว่าเป็นเวลาที่สมควรแล้ว พร้อมที่จะส่งไม้ต่อให้กับทีมผู้บริหารใหม่ ที่ผมไว้วางใจ ผมไม่ได้กังวลใจ  เพราะผมเชื่อว่าทุกท่านที่เข้ามาจะบริหารธนาคารกสิกรไทยได้ดี

โดย คุณกอบกาญจน์ ผมเห็นว่าเธอเป็นคนเก่งเป็นคนที่มีมุมมองหลากหลาย ผ่านประสบการณ์ทำงานทั้งรัฐ และเอกชน เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณธรรม สำหรับคุณขัตติยา เธอทำงานกับผมมาหลายปี เป็นคนเก่ง บริหารงานได้เฉียบคม และยังเป็นคนใจดี มีเมตตา ผมเชื่อว่าเธอทั้ง 2 คนจะทำหน้าที่นี้ได้ดี

ทั้งนี้ผมก็ยังพร้อมที่จะให้คำปรึกษา กับคณะผู้บริหารต่อไป แต่ก็ไม่ได้กังวลใจมากนัก เพราะผมมองว่า การเปลี่ยนผ่านในช่วงที่เกิดวิกฤตเช่นนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ ความสามารถของทีมผู้บริหารใหม่ได้เป็นอย่างดี เพราะการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ผมคิดมานาน วางหมาก พร้อมส่งไม้ต่อให้กับคนที่รับช่วงงานต่อให้มีความพร้อมทำงานต่อไปได้   แต่ผมอยากจะฝากคำเตือนให้ทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ ยึดหลัก 4 ข้อ คือ อย่ามั่ว- อย่าไม่คำนวณ- อย่าชุ่ย- อย่าเหยียบตีนคนอื่น

“ถ้าให้ผมเปรียบเทียบ วิกฤตเศรษฐกิจ ปี 40 กับ วิกฤตไวรัสโควิด 19 ก็ต้องบอกว่า วิกฤตเศรษฐกิจ ปี 40 เป็นพายุที่เกิดจากความโลภของมนุษย์ที่เกินพอดี ส่วนวิกฤตไวรัสโควิด 19 เป็นวิกฤตที่โทษมนุษย์โดยตรงก็ไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบอย่างมากกับมนุษย์ และเศรษฐกิจ”

 

หลังจากนี้ ผมจะเปิดฉากการทำงานครั้งใหม่ ด้วยการสานต่อ โครงการ น่านแซนด์บอกซ์ โครงการรักษาป่าต้นน้ำในจังหวัดน่าน ซึ่งผมมองว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก เป็นการจัดการหลากหลายมิติ ซึ่งผมจะไม่ลงเล่นการเมือง แต่ผมจะทำงานร่วมกับภาครัฐ ราชการ ร่วมกัน โดยผมนจะนำองค์ความรู้จากการบริหารงานที่ผ่านมา ร่วมกับความรู้ใหม่ ซึ่งช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ความคืบหน้าของโครงการถือว่าดี เพราะสามารถสื่อสรกับคนในพื้นที่ให้เข้าใจมากขึ้น ให้ประชาชนในพื้นที่มีองค์ความรู้ใหม่ๆ มาช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อให้ชาวบ้านมีงานทำและไม่กลับไปบุกรุกป่า  สำหรับธนาคารเองได้มีการสนับสนุนเพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ๆ ด้วยการสร้างระบบด้านไอที เพื่อการแก้ปัญหาทางด้านการทำมาหากิน เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถทำมาหากินต่อไปได้ ซึ่งธนาคารจะมีจัดสรรงบประมาณส่วนนึงเพื่อจัดการระบบไอทีให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

 

"บัณฑูร ล่ำซำ" ถือเป็นนายธนาคารผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ปี 2540 หลังจากเกิดวิกฤติการเงินในประเทศ เขาได้ยกเครื่ององค์กร และนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารงานอยู่เสมอ เพราะเขาชื่อว่า"การแข่งขันในโลกธุรกิจเกิดขึ้นตลอดเวลา หากธุรกิจไม่สามารถสร้างนวัตกรรมให้เท่าทันกับตลาดโลกก็ต้องยอมถอยไป"

 

TerraBKK