สรท. ยังคงคาดการณ์ส่งออกไทยปี 2563 จะเติบโตได้ 0-1% บนสมมติฐานค่าเงินบาท 30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยังไม่รวมผลกระทบจากที่อาจเกิดจากการสถานการณ์การแผ่ระบาดของไวรัสโคโรนา

 

        น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒนพงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า  ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ คือ 1. การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในหลายประเทศทั่วโลก อาจส่งผลกระทบเชิงลบ ต่อภาคการท่องเที่ยว ที่เม็ดเงินหายไปเกือบแสนล้านบาท รวมถึงการลงทุนและการส่งออกของไทยในระยะสั้นจะได้รับผลกระทบ จากการส่งออกไปจีนไม่ได้ เพราะตลาดจีนมีสัดส่วนการส่งออกในปี 2562 กว่า 11.8% ของการส่งออกไทยไปทั่วโลก โดยคาดว่าการส่งออกของไทยไปจีนในไตรมาสแรกของปี 2563 อาจสูญรายได้หลายพันล้านบาท

2. กรณีค่าเงินบาทแข็งค่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอให้ผู้ประกอบการในประเทศเร่งนำเข้าวัตถุดิบมาสต็อกเตรียมการผลิต หากวัตถุดิบบางรายการถูกจำกัด หรือโควตา จะส่งผลกระทบภาคอุตฯ ที่ไม่มีผลิตเพียงต่อผลิตเพื่อส่งออก

3. ผลกระทบจากมาตรการจำกัดการวิ่งของรถบรรทุกในการเข้าพื้นที่วงแหวนกาญจนาภิเษก และการห้ามวิ่งรถในวันคี่ เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลต่อผู้ประกอบการ อาทิ ต้นทุนการขนส่งทางรถบรรทุกเพิ่มขึ้น ประมาณ 1,000 – 5,000 บาทต่อเที่ยวขนส่ง

4. ความล่าช้าในการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขาดความต่อเนื่องในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอันเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักลงทุน ผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงภาคประชาชน

 

      ส่วนปัจจัยบวกสำคัญ คือ 1. การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในหลายประเทศทั่วโลก อาจส่งผลกระทบเชิงบวก เช่น ไทยอาจได้รับอานิสงค์สำหรับ spot shipment จากลูกค้าของจีนหันมานำเข้าสินค้าหรือวัตถุดิบจากไทยเพื่อทดแทน 2. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย เป็นโอกาสดีในระยะสั้นสำหรับผู้ประกอบการส่งออกในการประมาณการซื้อ forward rate ได้ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงช่วยดึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นให้เข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ทดแทนนักท่องเที่ยวจีน 3. การลงนามความตกลง สหรัฐฯ และจีน ระยะแรก ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกทำให้บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศผ่อนคลายมากขึ้น และ 4. การส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปในช่วงที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น

 

       สำหรับ ส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2562 มีมูลค่า 19,154 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -1.28% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การส่งออกในรูปเงินบาทเท่ากับ 573,426 ล้านบาท หดตัว -9.6% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าในเดือนธันวาคม 2562 มีมูลค่า 18,559 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และการนำเข้าในรูปของเงินบาทมีมูลค่า 563,799 ล้านบาท หดตัว -6.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้เดือนธันวาคม 2562 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 596 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 9,627 ล้านบาท (การส่งออกเมื่อหักทองคำและน้ำมันเดือน ธ.ค. ขยายตัว 1.2%)

       ส่วนภาพรวมช่วงเดือนม.ค.- ธ.ค.62 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 246,245 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกในรูปเงินบาทที่ 7,627,663 ล้านบาท หดตัว -5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 236,640 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว -4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นมูลค่า 7,627,663 ล้านบาท หดตัว -5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วงเดือนม.ค.-ธ.ค.62 ประเทศไทยเกินดุลการค้า 9,605 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 190,352 ล้านบาท (การส่งออกเมื่อหักทองคำและน้ำมันเดือน ม.ค.- ธ.ค. หดตัว -2.65%)