7 พ.ย. 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมบ้านจัดสรร นำบ้าน คอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จำนวน 35,000 ยูนิต มาจัดโปรโมชั่น 11.11 ลดแลกแจกแถมครั้งใหญ่ เพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.ยาวไปจนถึงสิ้นปี 2562

           ทั้งนี้ ในการทำโปรโมชั่นดังกล่าว กระทรวงการคลังได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ปรับลดราคากลุ่มบ้านที่มีราคาเกินกว่า 3 ล้านบาท เช่น ราคา 3.5-4 ล้านบาท ให้ปรับลดลงมาเหลือ 3 ล้านบาท เพื่อให้เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลด้วย ซึ่งได้ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลืออย่างละ 0.01% หรือหากซื้อบ้านราคา 3 ล้านบาทจะจ่ายค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 600 บาท จากปกติ 90,000 บาท รวมถึงได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของ ธอส. วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท

           “ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ กระทรวงการคลัง จะร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีรายละเอียดของพันธมิตร หรือ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในโครงการ และหลังจากนั้นจะเปิดให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศทั้งรายเล็ก รายใหญ่เข้ามาลงทะเบียนกับสาขาของ ธอส.ทั่วประเทศเพื่อเข้าร่วมโครงการ และรับแผ่นป้ายโปรโมชั่น นำไปโปรโมทที่หน้าโครงการให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป โดยคาดว่าโครงการนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดยอดซื้อขาย และการโอนได้จนถึงสิ้นปีนี้” นายชาญกฤช กล่าว

           นายชาญกฤช กล่าวว่า แนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวได้ 5-7% ขณะเดียวกัน นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ยังได้มอบหมายให้ไปศึกษาแนวทางดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนการซื้อขายที่อยู่อาศัยมือสองด้วย เพราะมาตรการปัจจุบันจะใช้ได้เฉพาะบ้านใหม่อย่างเดียว เพื่อต้องการให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวได้ในภาพรวม

           “ยอมรับว่าผู้ประกอบการยังมีความกังวลกับมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการอื่นเพิ่มเติม เพื่อดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวในปีหน้าต่อไปด้วย ซึ่งแนวทางของกระทรวงการคลังในยุคนี้นอกจากจะมีนโยบายในการช่วยเหลือแล้วยังเน้นการลงไปทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ ให้เกิดความสำเร็จร่วมกันด้วย” นายชาญกฤช กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net