28 ส.ค.2562 นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดการดำเนินธุรกิจของบริษัทมาเป็นระยะเวลา 39 ปี บริษัทมีความเป็นมืออาชีพ ยึดมั่นอยู่ในหลักธรรมมาภิบาล และความถูกต้องมาตลอด แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้มีข่าวที่ทำให้เกิดความสับสนหลายด้านเกี่ยวกับโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ซึ่งได้ดำเนินงานมาเป็นระยะเวลา 5 ปีแล้ว โดยขอยืนยันว่ามีขั้นตอนที่ถูกต้อง และได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจรับผิดชอบโดยตรง นับจากปี 2558 บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบที่ดินว่าที่ดินดังกล่าวนั้น สามารถพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้ตาม พ.ร.บ. ผังเมือง และติดถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ไม่ใช่ที่ดินตาบอดแต่อย่างใด

          พร้อมกันนี้ ในวันที่ 22 ธ.ค. 2559 บริษัทฯ ได้รับหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์ที่ดินตาม พ.ร.บ. ผังเมือง ว่า พื้นที่สีเขียวบริเวณ ก1-10 ของผังเมืองสมุทรปราการ ยังมีพื้นที่เพียงพอให้บริษัทฯ สร้างโครงการนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และวันที่ 30 ม.ค. 2560 และ 25 ก.ค. 2562 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างและแบบปรับปรุงภายในเขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) โดยวันที่ 24 เม.ย. 2561 ได้ใบอนุญาตการก่อสร้างอาคาร (อ1) จาก อบต. บางโฉลง 

          นายปรีชา กล่าวต่อว่า วันที่ 24 เม.ย. 2561 บริษัทฯ ได้แถลงข่าวเปิดตัวโครงการต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ซึ่งเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้การประปา ใช้พื้นที่ไหล่ทางในการดำเนินการวางท่อเข้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ และวันที่ 24 ก.ค. 2562 กรมทางหลวงได้อนุญาตให้ทำทางเชื่อมเข้าออก ขยายผิวจราจร และปรับปรุงทางเท้า ซึ่งรวมไปถึงไหล่ทางด้วย เช่นเดียวกับที่เคยได้อนุมัติเชื่อมทางให้กับผู้ร้องขอรายอื่นบนถนนสายนี้ทั้งสิ้น 37 ราย รวมถึง ทอท. ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยขออนุญาตจากกรมทางหลวงมาโดยตลอด และล่าสุดเมื่อ 14 พ.ค. 2562 ได้มีหนังสือจากกรมทางหลวงอนุญาตให้ ทอท. เดินท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินและบ่อพัก

          สำหรับในวันที่ 14 ส.ค.  2562 บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเปิดใช้อาคาร (อ6) จาก อบต. บางโฉลง ต่อมาในวันที่ 22 ส.ค. 2562 ทอท. มาปิดกั้นทางเข้าออก หน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ และมีกำหนดการเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค. 2562 

          “เราพยายามหาทางออกหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการเจรจา เพราะการหาข้อยุติตามกฎหมาย ต้องใช้เวลา การดำเนินงาน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอาจไม่เป็นประโยชน์ และไม่ได้เกิดความเสียหายแก่บริษัทเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีคู่ค้าและแบรนด์ต่างๆ ขณะที่ผู้รับเหมาก็ไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ และทำงานลำบากมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ หวังว่าทุกฝ่ายจะหาทางออกอย่างถูกต้อง โดยยังต้องการเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค. นี้ คงมีการเจรจาให้เอาเต้นท์ออกหรือรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกไปก่อน หากมีสิ่งที่ติดใจให้มาคุยกัน แต่หากศาลฯ ชี้ว่าเราได้ประโยชน์ตรงนี้ การฟ้องกลับนั้นก็ต้องดูต่อว่าได้รับความเสียหายมากน้อยขนาดไหน ไม่ใช่แค่บริษัท แต่ยังมีความเสียหายจากแบรนด์ต่างๆ  โดยคำสั่งศาลปกครองไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็มีแผนสำรอง และพร้อมเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่การตีความฝ่ายเดียวโดยพละการ นับเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง” นายปรีชา กล่าว 

          ทั้งนี้ โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ขอวิงวอนให้ภาครัฐให้ความเป็นธรรม และช่วยคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาต่างๆ โดยโครงการมีมูลค่าร่วมลงทุนของซีพีเอ็น และร้านค้ากว่า 150 ร้านค้า รวมกว่า 5,000 ล้านบาท โดยหลังจากเปิดให้บริการคาดว่า จะมีการจ้างงานพนักงานร้านค้าที่เช่าพื้นที่ กว่า 1,000 คน และคาดว่า จะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในประเทศกว่า 30,000 ล้านบาท หากเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค. นี้ คาดว่าจะสามาระเปิดให้บริการได้ 70%

 
ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net