สิ่งหนึ่งที่มักมาพร้อมกับฤดูฝนก็คือบรรดาสัตว์มีพิษทั้งหลาย อย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง หรือแมงมุม และที่สำคัญพบว่าปัจจุบันสัตว์มีพิษเหล่านี้มีพิษที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ มีสมุนไพรหลายชนิดที่สามารถรับมือกับสัตว์มีพิษต่างๆ เหล่านี้ เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนถึงมือแพทย์

1. เสลดพังพอน

มีข้อมูลงานวิจัยพบว่า “เสลดพังพอน” ช่วยต้านพิษจากสัตว์ได้มากที่สุดถึง 8 ชนิด คือ ผึ้ง ต่อ แตน ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง และงู ซึ่งการนำมาใช้สามารถใช้ได้ทั้งเสลดพังพอนตัวผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย เมื่อถูกสัตว์มีพิษกัดหรือต่อย ให้ใช้ใบเสลดพังพอนที่ไม่อ่อนไม่แก่จนเกินไป ประมาณ 25-30 ใบ นำมาล้างน้ำให้สะอาด และให้คนที่ถูกงูหรือสัตว์มีพิษกัดเคี้ยวกลืนแต่น้ำ แล้วคายกากออกมาพอกแผล ใบเสลดพังพอนจะช่วยดูดพิษ และทำให้อาการปวดทุเลาลงภายในเวลา 30-45 นาที หรือจะใช้ส่วนราก (มีรสจืดเย็น) ฝนกับเหล้าขาวดื่มและทาแก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย ถอนพิษตะขาบ แมงป่อง

2. ตะขาบบิน หรือตะขาบหิน

ใช้ถอนพิษแมงป่อง และตะขาบกัดต่อย ช่วยแก้ฟกช้ำบวมได้เป็นอย่างดี โดยชาวบ้านมักใช้ต้นและใบสด ตำผสมเหล้า หรือน้ำซาวข้าว คั้นเอาน้ำใช้ทา และใช้กากพอกบริเวณที่ถูกกัดต่อย

3. หอมแดง

นับเป็นสมุนไพรที่มีใช้กันทุกครัวเรือน สามารถใช้แก้พิษแมงมุมได้ โดยมีประสบการณ์ของผู้ป่วยที่ไปหาหมอแผนโบราณ โดยหมอให้นำหัวหอมแดงทุบให้บุบ ผสมกับยาหม่องใช้ทาบริเวณที่โดนกัด และให้กินด้วย ทำทุกๆ 5-10 นาที ประมาณ 3-4 ครั้ง อาการดีขึ้นอย่างน่าประหลาด เนื่องจากแมงมุมเป็นสัตว์พิษเย็นจึงต้องใช้ของร้อนอย่างหอมแดงแก้พิษ และเร่งสรรพคุณด้วยยาหม่องจึงสามารถช่วยขับพิษออกไปได้ อย่างไรก็ตาม หากถูกงูกัด หรือได้รับพิษของสัตว์อย่างรุนแรง เช่น ผึ้งจำนวนมากต่อย เบื้องต้นแนะนำว่าให้รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วนเป็นอันดับแรก เพราะบางครั้งอาจมีความจำเป็นต้องให้ยาทางหลอดเลือดโดยเร็วก่อนจะเกิดอันตรายขึ้น หรืออาจไม่ทราบชนิดงู และการรักษาอาจมีความจำเป็นต้องใช้เซรุ่มเพื่อช่วยชีวิตก็เป็นได้

** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน **

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaihealth.or.th