หนึ่งในคำถามสุดคลาสสิกที่ต่อให้โลกจะก้าวล้ำไปขนาดไหน คำถามนี้ก็ยังมีอยู่ นั่นคือ “แท้จริงแล้วคนรวยมีอะไรที่ต่างกับเราคนธรรมดา” ถ้าตอบแบบขวานผ่าซากก็ต้องตอบตรงๆ ว่า “เงินและทรัพย์สินที่ครอบครอง” แน่นอนว่าคำตอบนี้ไม่ผิด แต่ก็ยังทำให้คาใจ

          ที่ผ่านมามีหลายคนพยายามที่จะตามหาคำตอบนี้ จนสุดท้ายก็ตกผลึกว่า บุคลิกลักษณะเฉพาะตัว คือ สิ่งที่ทำให้คนกระเป๋าหนัก กับ กระเป๋าเบาหวิวต่างๆ กัน แต่ปัญหาคือ ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์หรือนักจิตวิทยาก็ไม่สามารถคอนเฟิร์มทฤษฎีนี้ได้ จึงกลายเป็นที่มาของการค้นพบครั้งใหญ่ของทีมนักเศรษฐศาสตร์และจิตวิทยาชาวเยอรมนี ซึ่งหลังจากสัมภาษณ์มหาเศรษฐีกลุ่มตัวอย่างจำนวน 130 คน โดยนำทฤษฎีชื่อก้องโลกที่ได้รับการยอมรับมานับทศวรรษอย่าง

“ลักษณะบุคลิกภาพใหญ่ 5 อย่าง” (Big Five Test) มาใช้อธิบายและเทียบเคียง

  • รวย-จนวัดกันที่บุคลิกเฉพาะตัว

          สำหรับใครที่นึกไม่ออกว่าทฤษฎี Big Five ที่ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ทบทวนอีกครั้ง เริ่มจาก ความพิถีพิถัน (conscientiousness), ความไม่เสถียรทางอารมณ์ (neuroticism), ความเปิดรับประสบการณ์ (openness to experience), ความสนใจต่อสิ่งภายนอก (extraversion) และ ความยินยอมเห็นใจ (agreeableness) โดยผลลัพธ์หลังจากการศึกษาพบว่า ลักษณะเด่นของคนรวยเมื่อเทียบเคียงออกมา พบว่าคนรวยจะมีภาวะอารมณ์ที่ค่อนข้างเสถียร เป็นคนที่ไม่เก็บตัว ชอบเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ไม่เป็นสายโอนอ่อนผ่อนตาม พวกเขาไม่พร้อมตามน้ำไปเมื่อเกิดความขัดแย้ง ที่สำคัญพวกเขาเป็นคนที่ค่อนข้างพิถีพิถัน

          อย่างไรก็ตาม นอกจากจะเกาะตำรา Big Five นักวิจัยกลุ่มเดียวกันนี้ยังลงลึกไปถึงอีก 2 คุณลักษณะ นั่นคือ หลงตัวเอง (narcissism) และ ความเชื่ออํานาจในตน (Internal locus of control) ซึ่งผลการศึกษาพบว่า คนรวยมี 2 ลักษณะที่ว่าค่อนข้างรุนแรง เพราะพวกเขาเชื่อว่า ทุกอย่างในชีวิตที่เกิดขึ้นไม่ใช่ฟ้าลิขิต แต่เกิดจากการลงมือทำ

  • มุมมองต่อโลก อีกดัชนีวัดสเตตัสรวยกับรวยมาก

          เพื่อลงลึกไปถึงความรวยในระดับซูเปอร์ นักวิจัยกลุ่มเดิมยังได้นั่งสัมภาษณ์แบบเจาะลึกกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงต่อคน ด้วยการตั้งคำถามพิเศษอีก 50 คำถาม เพิ่มเติมจากแบบทดสอบ Big Five

          สิ่งที่พบ คือ ลักษณะสำคัญของเหล่าซูเปอร์ริชที่เพิ่มเติมมา คือ คนกลุ่มนี้จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ค่อยโอนอ่อนผ่อนตาม มักจะเป็นพวกทวนกระแส ที่สำคัญพวกเขามักเชื่อในสัญชาตญาณ

          แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้น คือ วิธีการรับมือกับความพ่ายแพ้หรือล้มเหลวของคนเหล่านี้ ตามธรรมชาติคนส่วนใหญ่มักเอาดีเข้าตัว และ โทษคนอื่นเมื่อเกิดความผิดพลาด แต่บรรดาซูเปอร์ริชกลับเลือกที่จะพยายามตามหาว่าอะไรคือต้นเหตุของการผิดพลาดและเผชิญหน้ากับมัน เพราะพวกเขาเชื่อเหลือเกินว่าอย่างน้อยความผิดพลาดนั้นทำให้เขาได้เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลง

          จากการศึกษาข้างต้น นำมาสู่บทสรุปที่เหมือนเป็นกุญแจไขห้องแห่งความลับดอกสำคัญว่า นอกจากคนรวยจะแตกต่างจากคนจนที่ทรัพย์สินที่มี การกระทำ มุมมองความคิด และ การตัดสินใจที่ผิดแผกจากคนอื่น คือ เหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.forbes.com