22 พ.ค. 2562 นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตั้งแต่สหรัฐฯเริ่มทำสงครามการค้ากับจีน โดยขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนตั้งแต่รอบแรก จนถึงการขึ้นภาษีล่าสุดเมื่อเดือนพ.ค.62 นั้น กรมได้ติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะหลายฝ่ายเกรงกันว่า อาจมีสินค้าจากจีนจำนวนมากส่งออกไปประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงไทยแทนการส่งออกไปสหรัฐฯ แล้วอาจทำให้ผู้ผลิตของไทยได้รับผลกระทบ โดยหากพบว่า มีการส่งออกมาไทยมากจนผิดปกติ หรือทำให้ผู้ผลิตของไทยที่ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันได้รับผลกระทบ เช่น มียอดขายตกต่ำ ส่วนแบ่งตลาดลดลง กรมสามารถดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายต่างๆ ที่กรมดูแล เพื่อป้องกัน แก้ไขปัญหา และเยียวยาผลกระทบให้กับผู้ผลิตของไทยที่ได้รับผลกระทบ

          ทั้งนี้ หากพบว่า สินค้าจีนส่งออกมาไทยแล้วแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้าว่าผลิตจากไทยแล้วส่งออกต่อไปสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุ (เอดี/ซีวีดี) และมาตรการเซฟการ์ด กรมสามารถใช้มาตรการตอบโต้การหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางการค้าได้  (Anti Circumvention หรือเอซี) ซึ่งเป็นมาตรการภายใต้พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ

          ”กรณีเอซี ที่ผ่านมา กรมได้ร่วมมือกับศุลกากรของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลังศุลกากรสหรัฐฯได้ชี้เบาะแสว่า อาจมีสินค้าหลายชนิดจากจีน เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องจากเหล็ก ที่สหรัฐฯใช้มาตรการทางการค้า อาจแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้าไทยแล้วส่งออกต่อไปสหรัฐฯ โดยได้ร่วมกันลงพื้นที่ไปตรวจสอบถึงโรงงานผลิตสินค้าที่เป็นของจีนในไทย ทั้งโรงงานผลิตตะปู และไม้แขวนเสื้อจากเหล็ก และพบมีการแอบอ้างแหล่งกำเนิดไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ซึ่งกรมได้ระงับการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าแล้ว”

          นอกจากนี้ หากพบว่า มีการส่งออกมาไทยมากจนผิดปกติ กรมสามารถใช้มาตรการเซฟการ์ด ภายใต้พ.ร.บ.การปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อสกัดการนำเข้าได้ แต่กรณีนี้จะเป็นการป้องกันการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นของสินค้าจากทั่วโลก ไม่ได้เฉพะเจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น

          แต่หากพบว่า มีการส่งออกมาไทยแบบดัมพ์ตลาด โดยตั้งราคาขายในไทยต่ำกว่าที่ขายในจีน หรือต่ำกว่าต้นทุน จนทำให้ผู้ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันของไทยได้รับผลกระทบ กรมสามารถเปิดไต่สวนเพื่อใช้มารการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนได้ ซึ่งหากผลการไต่สวนชั้นที่สุดพบว่า มีการทุ่มตลาดจริง และผู้ผลิตของไทยได้รับความเสียหายจริง ก็จะประกาศเก็บภาษีเอดีกับสินค้าที่ส่งออกจากจีน หรือประเทศอื่นๆ ที่ทุ่มตลาดไทย

          นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า ผลของสงครามการค้า นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัวลงแล้ว ยังส่งผลให้ไทยมีโอกาสส่งออกสินค้าเพื่อทดแทนสินค้าของจีนในตลาดสหรัฐฯ และทดแทนสินค้าสหรัฐฯในตลาดจีนได้ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และอาหารบางรายการ ที่จีนไม่นำเข้าจากสหรัฐฯ เช่น หมู ซึ่งไทยต้องเจรจากับจีน เพื่อส่งออกเนื้อหมูไปจีนให้ได้ นอกจากนี้ ไทยควรใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อาเซียน-จีน ส่งออกสินค้าไปจีนให้มากขึ้น เพื่อทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ไทยได้แต้มต่อเหนือคู่แข่ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net