การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ มีการเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมพัฒนาระบบให้รองรับปริมาณการจัดส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน สร้างความหลากหลายของบริการการจัดส่ง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ ซึ่งหัวใจสำคัญของธุรกิจนี้ คือ ความเร็วในการจัดส่ง, การส่งมอบสินค้าตรงเวลา, สินค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์, พนักงานให้บริการอย่างมืออาชีพ และสุภาพ รวมถึงการเตรียมพนักงานทั้งแบบ Full time และ Part time เพื่อรองรับกับการให้บริการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน  แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ระบุแนวโน้มทิศทางของตลาดแรงงานด้านโลจิสติกส์ในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของภาคธุรกิจในปัจจุบัน และการเตรียมพร้อมของภาคการศึกษาที่จะป้อนสู่ตลาดแรงงานต่อไป

โดยในปี 2561 ที่ผ่านมาทิศทางของตลาดแรงงานด้านโลจิสติกส์ในประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตในปัจจุบันว่า  ตลาดแรงงานในธุรกิจ “โลจิสติกส์” มีการเติบโตมากกว่า 30%  ทั้งในส่วนของการให้บริการคลังสินค้า การขนส่ง บริการ และพนักงานส่วนประจำสำนักงาน  และในปี 2562 มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอีก โดยมีปัจจัยจากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล  ส่งผลให้ธุรกิจ “อีคอมเมิร์ซ” ยิ่งเติบโตมากขึ้น

 

โดยจากผลการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่า ไทยมีอัตราการเติบโตของ B2C (Business to Consumer) สูงเป็นอันดับที่ 1 ของอาเซียน เมื่อเทียบมูลค่าระหว่างปี 2559 กับปี 2560 พบว่า มีมูลค่าเพิ่มถึงกว่า 160,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี ระบบ e-Payment ที่สะดวกมากขึ้น การขนส่งที่รวดเร็วทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความนิยมซื้อของออนไลน์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการจัดแคมเปญส่งเสริมการตลาด โปรโมชั่นลดราคา  ส่วนแนวโน้มมูลค่าอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยมีสูงถึง 3.2 ล้านล้านบาท (ปี 2561) โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่ผู้ประกอบการ อีคอมเมิร์ซต่างจัดโปรโมชั่นส่งเสริมทางการตลาด ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการบางรายมียอดขายสูงมากกว่าพันล้านปริมาณการสั่งซื้อสินค้ามีมากกว่าล้านชิ้นในระยะเวลาสั้นๆ โดยกลุ่มสินค้าที่เป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ คือ สินค้าอุปโภคบริโภคของเด็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟน เครื่องสำอาง สกินแคร์ 

ขอบคุณข้อมูล จาก แมนพาวเวอร์กรุ๊ป