ถึงเทคโนโลยีจะก้าวล้ำจนสามารถย่อโลกใบเดิมให้แคบลงเหลือใบนิดเดียว แต่สัจธรรมของโลกแห่งความเป็นจริง ยังคงเป็นด่านหินที่ทุกคนต้องข้ามผ่าน โดยเฉพาะชาวมิลเลนเนียลที่กำลังก้าวข้ามจากวัยเรียนสู่วัยทำงาน ถึงจะเตรียมใจมาพร้อม แต่พอจะต้องเผชิญหน้ากับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับใครที่ไม่อยากบาดเจ็บ และเจ็บช้ำกับโลกแห่งการทำงานที่อาจไม่ได้เป็นดังใจไปทุกอย่าง ลองไปสำรวจ 7 บทเรียนชีวิตที่ช่วยให้เอาตัวรอดได้ไม่มากก็น้อยเมื่อต้องขึ้นสู่ชั้นเรียนใหม่ที่ไม่มีครูประจำชั้นคอยให้คำปรึกษาอีกต่อไป

         1.ออกสตาร์ทยามเช้าอย่างมีพลัง : การเตรียมร่างกายให้พร้อม ไม่ใช่แค่การกินอาหารมื้อเช้าให้อิ่มท้อง แต่ต้องสะสมพลังแห่งความสดชื่น และ สมองที่ปลอดโปร่งจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แทนที่จะเติมพลังด้วยมื้อเช้า ลองปลุกเร้าจิตใจด้วยการฟังเพลงจรรโลงจิตใจและชำระล้างร่างกายให้สดชื่นก่อนออกไปทำงานก็ดีไม่น้อย

         2.รูปลักษณ์ดีก็เป็นต่อ : สไตล์การแต่งตัวที่ดูเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่เรื่องที่สร้างได้ในชั่วข้ามคืน แต่เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้ดูน่าเชื่อถือในชั่วข้ามคืน คือ การหาชุดเก่งอย่างสูทหรือเดรสที่ช่วยอัพเลเวลให้คุณดูเป็นมืออาชีพไว้ติดตู้สัก 2-3 ชุด เพียงแค่นี้ต่อให้ต้องเจอนัดสำคัญ ประชุมด่วนก็ไม่ใช่ปัญหา

         3.วางแผนให้ดี เพื่อใช้เวลาว่างให้คุ้มค่า : ใครว่า “วันว่าง” ต้องกลายเป็นเพียงความหลังเมื่อก้าวเข้าสู่วันทำงาน ถ้ารู้จักทำงานแบบมืออาชีพ คุณจะพบว่า วันว่างมีให้ใช้มากกว่าสมัยเป็นนักเรียนนักศึกษาเสียอีก ข้อสำคัญ คือ จะใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ ได้เพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิต

         4.ลงทุนกับสุขภาพองค์รวม (Wellness) : แน่นอนว่า ไม่ได้หมายถึงการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงความคิดและจิตใจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญของความสำเร็จ หนทางในการพิชิตการมีสุขภาพองค์รวมที่ดีนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินถุงเงินถัง หรือ เข้าคอร์สราคาแพง เพียงแค่พาตัวเองไปผ่อนคลายด้วยการนวดเดือนละครั้ง หรือ ไปเดินเล่นทอดอารมณ์ในสวนสาธารณะ ก็ถือว่าเป็นการปรนนิบัติร่างกาย จิตใจ และ อารมณ์แล้ว

         5.อย่าท้อแท้ที่จะเรียนรู้ : มหาวิทยาลัยอาจเตรียมพร้อมด้านทักษะทางวิชาการให้คุณ แต่ทักษะการเอาตัวรอด และใช้ชีวิตในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นเมื่อต้องเจอกับบทเรียนที่ไม่คุ้นเคย อย่าท้อแท้ที่จะค่อยๆ พาตัวเองออกไปเรียนรู้ ยิ่งคุณพาตัวเองออกไปเปิดประสบการณ์มากเท่าไหร่ ยิ่งเปิดโอกาสให้ตัวเองได้อัพเลเวทไปอีกขั้น เพื่อเตรียมพร้อมที่โลดแล่นไปในสายอาชีพ

         6.เรียนรู้วิชาการออม : อย่ารอให้ชีวิตนี้เดินทางมาเจอกับคำว่า “สายเกินไป” โดยเฉพาะกับการออมเงิน เมื่อเริ่มมีรายได้ ควรเก็บหอมรอมริบ ตั้งเป้าหมายทางการเงิน  เริ่มด้วยการตั้งคำถามกับตัวเองง่ายๆ ก่อนว่า คุณมีเป้าหมายทางการเงินอย่างไรในอีก 10-20 ปีข้างหน้า  แล้วค่อยๆ สร้างวินัยทางการเงิน

         7.มีความสุขกับการใช้ชีวิต : เด็กทุกคนอยากเป็นผู้ใหญ่ให้เร็วที่สุด แต่เมื่อก้าวสู่วัยทำงาน ทุกคนจะรู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวราวกับติดจรวด เพราะฉะนั้น อย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน จนเผลอรู้ตัวอีกทีก็เข้าสู่วัยกลางคน แต่จงเอ็นจอยกับทุกโมเม้นต์ของการใช้ชีวิต แม้บางครั้งโมเมนต์ในชีวิตอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่อย่างน้อยความล้มเหลวหรือผิดพลาดก็เป็นสิ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้ และเติบโต  

         เอาเป็นว่า แม้โลกแห่งความจริงจะน่ากลัว แต่ในความน่ากลัวนั้น ก็เต็มไปด้วยรสชาติของการใช้ชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเตรียมตัวมาให้พร้อมกับการผจญภัยในครั้งนี้มาได้ดีกว่ากัน