เคล็ดลับปั้นแบรนด์ให้ปัง ชนะใจลูกค้ายุค 4.0

เป้าหมายของคนทำธุรกิจส่วนใหญ่หวังที่จะให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จักให้ลูกค้าจดจำ ยิ่งในยุคนี้ที่การแข่งขันสูง มีคู่แข่งหลากหลาย จากแบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ๆ ที่เข้าสู่ตลาด ทำให้การทำธุรกิจในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าผูกขาดอยู่กับแบรนด์ของเราได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นหัวใจสำคัญ คือ ผู้ประกอบการต้องมีเทคนิค กลยุทธ์ใหม่ๆเอาชนะใจลูกค้าใหม่ให้กลายเป็นลูกค้าประจำด้วย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ สถาบัน NEA ได้จัดสัมมนา “เทคนิคทางรอด SMEs ไทย ปรับตัวอย่างไรในยุค 4.0” จึงเกิดเป็น 10 เทคนิคมัดใจลูกค้า เพื่อให้ผู้ประกอบการได้นำไปใช้ ดึงดูดลูกค้าในยุคนี้

  1. ก่อนอื่นต้องเข้าใจและรู้จักตัวตนของลูกค้า

สมัยนี้หลายแบรนด์เน้นแข่งขันกันที่แผนการตลาด ถ้ามีความแปลกใหม่ก็ยิ่งดี จนอาจมองข้ามความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าไปบ้าง ทำให้สิ่งแรกก่อนจะทำแผนการตลาด แบรนด์ต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคให้ดีซะก่อน เพราะการทำความเข้าใจลูกค้าเป็นขั้นตอนแรกที่คุณควรทำ เพื่อที่จะแก้ไขและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

  1. สร้างบุคลิกให้แบรนด์

ถ้าแบรนด์ของคุณแข็งแรงไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ธุรกิจของคุณก็ยังคงอยู่ ดังนั้นการสร้างภาพจำให้แบรนด์จึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เริ่มจากการสร้างบุคลิกภาพให้แบรนด์ให้คนจดจำได้ อย่างเช่น แบรนด์ Lyn Around มีบุคลิกเป็นผู้หญิง สดใส แบรนด์ MUJI จะเป็นคนเรียบร้อย ส่วนแบรนด์ Apple ดูเป็นคนล้ำนำเทรนด์ โดยการสร้างภาพจำนั้นทำได้ตั้งแต่การตั้งชื่อแบรนด์ เลือกสี ไปจนถึงการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้คนจำแบรนด์ได้ สร้างแบรนด์ให้แข็งแรง โดดเด่นท่ามกลางสินค้าประเภทเดียวกัน

  1. สร้าง Story ให้แบรนด์

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้าเพราะสินค้ามีคุณภาพเพียงอย่างเดียว แต่ซื้อเพราะเรื่องราวของแบรนด์ ว่ามีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ หรือยิ่งใหญ่ แปลกใหม่แค่ไหน ถ้าสังเกตให้ดีคุณจะพบว่าแบรนดังใหญ่ๆ ระดับโลกล้วนมีเรื่องเล่า มีประวัติที่น่าสนใจทั้งนั้น เช่น Louis Vuitton, Apple, Facebook และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้สินค้าหรือธุรกิจของคุณได้

  1. สร้างความรู้สึกคุ้มค่า

การที่ลูกค้าจะจ่ายเงินซื้อของกับสิ่งที่จะทำให้เขารู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

โดยที่สินค้าและบริการเหล่านั้น อาจมีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าคุณขายอะไร ถ้าคุณขายสินค้าที่ต้องใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ รูปภาพต้องสวย วิดีโอต้องดี แต่ถ้าคุณขายสินค้าที่ต้องใช้เหตุผลในการตัดสินใจ เวลาสื่อสารต้องให้รายละเอียดที่ครบครัน เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกเชื่อถือและคุ้มค่าแก่การซื้อ

  1. รวบรวม Big Data ตั้งแต่สร้างแบรนด์ใหม่ๆ

การเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าหรือ Big Data เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะต้นทุนการรักษาลูกค้าเก่าจะถูกกว่าการหาลูกค้าใหม่ ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งส่วนลด หรือการเอาใจใส่ลูกค้าในช่วงเวลาสำคัญ ก็จะทำให้คุณสามารถนำข้อมูลหรือ Big Data ของลูกค้าไปต่อยอดได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค วิเคราะห์แนวโน้มและสถานการณ์ต่างๆ ได้ในหลายมิติ ทำให้มองเห็นโอกาสที่มากกว่า เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน

  1. ตามทันเทคโนโลยีดิจิทัล

การที่คุณมีธุรกิจหรือขายอะไรสักอย่าง คุณต้องรู้เท่านั้นยุคสมัย หรือมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีด้วย อย่างตอนนี้เราเข้าสู่ยุคดิจิทัลแบบเต็มตัว เพื่อให้การสื่อสารแบรนด์เป็นไปอย่างตรงจุด คุณจำเป็นต้องมีช่องทางออนไลน์เพื่อติดต่อลูกค้า หรือเป็นช่องทางขายสินค้าด้วย เพราะทุกวันนี้ทุกคนสื่อสารกันผ่านโซเชียลมีเดีย ดังนั้นหากคุณอยากให้ธุรกิจไปได้รอดในยุค 4.0 นี้ จึงไม่มีข้ออ้างที่คุณขายสินค้าโดยวิธีออฟไลน์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป นอกจากนี้คุณต้องมีความรู้ ความเข้าใจขั้นพื้นฐานของการทำคอนเทนท์ หรือ กราฟิกดีไซน์ เพราะสองสิ่งนี้จะช่วยสร้างเอกลักษณ์ ให้คนจดจำ และสร้างเครือข่ายระหว่างแบรนด์ของคุณกับผู้บริโภคได้อีกด้วย

  1. อย่าปล่อยให้ลูกค้ารอนาน

ในปัจจุบันต้องบอกได้เลยว่าความเร็ว และการตอบกลับแบบทันทีทันใด ทำให้ลูกค้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะใครที่ทำธุรกิจออนไลน์ ความเร็วในการตอบกลับความคิดเห็นหรือข้อความของลูกค้านั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากคุณปล่อยให้ลูกค้ารอนาน โอกาสในการขายของคุณก็จะลดลงไปด้วย เพราะลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่นที่ตอบไวกว่านั่นเอง

  1. รับฟังเสียงของลูกค้า

การรับฟังข้อแนะนำหรือการตำหนิในข้อเสียของแบรนด์จากลูกค้า คุณควรรีบนำมาปรับปรุงและแก้ไข แม้จะมีคำตำหนิจากลูกค้าเพียงคนเดียว ก็อาจจะทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ รู้สึกไม่ดีต่อแบรนด์ไปด้วย อย่ามองข้ามปัญหาของลูกค้าว่าเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ จนท่องจำไว้เสมอว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า” ดังนั้นเมื่อคุณได้รับข้อเสนอแนะหรือข้อตำหนิจากลูกค้าแล้วก็ควรรีบปรับปรุงทันที เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจและไว้วางใจแบรนด์มากขึ้น

  1. สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

การทำธุรกิจหรือแม้กระทั่งการสร้างแบรนด์ การสื่อสารและการสร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างคุณกับลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญเพราะการตัดสินใจว่าแบรนด์นั้นน่าสนใจ หรือเลือกสินค้าแบรนด์นั้นๆ อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผลหรืออารมณ์ของลูกค้าเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างจากกรณีของ Zappos แบรนด์ขายรองเท้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีลูกค้าขอคืนรองเท้าแต่เลยกำหนดเวลาเพราะคุณแม่เสียชีวิต ทาง Zappos จึงส่งรองเท้าคู่ใหม่ไปให้ถึงบ้านแบบฟรีๆ พร้อมทั้งส่งโน้ตและดอกไม้เพื่อแสดงความเสียใจอีกด้วย สิ่งที่ Zappos ทำแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของเขาเป็นมากกว่าร้านขายรองเท้า แต่ยังเป็นเหมือนเพื่อน คนใกล้ชิด ที่เคียงข้างลูกค้าทุกเวลาอีกด้วย

  1. จริงใจต่อลูกค้าดีที่สุด

คงไม่แปลกที่ใครๆ ก็ชอบคนจริงใจ ลูกค้าก็เช่นกัน เป็นเรื่องแปลกที่จะบอกว่า “ให้ยอมรับกับลูกค้าตรงๆ หรือบอกข้อมูลที่เป็นจริงแก่ลูกค้า เมื่อมีข้อผิดพลาด” อาจคิดว่าจะทำให้ดูไม่ดีในสายตาลูกค้าหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะการทำเช่นนี้จะทำให้ลูกค้าไว้วางใจและเข้าถึงแบรนด์คุณได้มากขึ้น ดังนั้นแบรนด์ไหนที่จริงใจ เปิดเผยข้อมูลแบบไม่กั๊กจะทำให้ได้ใจลูกค้ายังไม่พอ ยังได้ความประทับใจที่จะถูกส่งต่อไปยังคนใกล้ชิดของลูกค้าเหล่านั้นทั้งแบบปากต่อปาก หรือผ่านโซเชียลมีเดีย จนทำให้แบรนด์ของคุณถูกรู้จักเพิ่มมากขึ้น

         นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือสถาบัน NEA กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้เทคนิค หรือ กลยุทธ์ต่างๆ ถือว่าเป็นอาวุธชิ้นสำคัญที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและ ยอดขาย สร้างผลกำไรและความมั่นคงทางธุรกิจก็จะตามมา ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญกับตัวตนและจิตวิญญาณของสินค้าและบริการ หากไม่ตื่นตัวและปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคก็จะทำให้สินค้าและบริการถูกโดนกลืนหายไปในที่สุด  

ทั้งนี้สถาบันฯ ยังมีโครงการและกิจกรรมในการส่งเสริมเอสเอ็มอีและสตาร์อัพไทยตลอดปี 2562 อาทิ โครงการต้นกล้า ทู โกล  สร้าง SMEs ไทยสู่เวทีการค้าสากล โครงการพัฒนานักส่งออกรุ่นใหม่  (Young Exporter Form Local to Global by NEA) และโครงการบ่มเพาะเพื่อผู้ประกอบการยุคใหม่ “สานฝันสตาร์ทอัพไทยสู่สากล” ตามนโยบายเศรษฐกิจแบ่งปัน ซึ่งเป็นการช่วยให้ประชาชนทุกคนในประเทศสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้อย่างทั่วทั้งส่วนของกรุงเทพฯและภูมิภาค  

สำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทรศัพท์ 02 507 7999 หรือ www.nea.ditp.go.th , facebook.com/nea.ditp

ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่