ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ภาคธุรกิจได้ถูกท้าทายด้วย Digital Disruption ที่มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคให้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคต้องการบริการที่รวดเร็วแบบเรียลไทม์ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัลต่าง ๆ ทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ ส่งผลกระทบกับธุรกิจเดิมอย่างมาก ซึ่งธุรกิจที่จะอยู่รอดต่อไปได้ จำเป็นต้องอยู่ร่วมกับเทคโนโลยี นำมาปรับใช้ให้เหมาะสม ตอบโจทย์ยุคใหม่ได้ตรงใจและรวดเร็ว แต่ถ้าจะใช้เวลาลองผิดลองถูกด้วยตนเองก็คงจะช้าเกินไป เพราะการปรับตัวช้าจะส่งผลต่อธุรกิจอย่างมหาศาล

ธุรกิจที่ปรึกษาจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการนำพาองค์กรให้สามารถแข่งขันได้ในยุค 4.0 โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีในไทยมีการเติบโต ถึง 20%  โดยธุรกิจที่ปรึกษาด้านที่เติบโตประกอบไปด้วยที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ดิจิทัล (Digital strategy) ที่ปรึกษาด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data) ที่ปรึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และที่ปรึกษาด้านการบริหารแบบคล่องตัวสูง (Agile management)

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า การก้าวผ่านดิจิทัล ดิสรัปชั่นในไทย สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการเข้าใจวัฒนธรรม รวมถึงเอกลักษณ์ที่เด่นชัดขององค์กรและผู้บริโภคไทย พร้อมมองหาเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และยังต้องมองหาแผนธุรกิจที่ชาญฉลาดกว่า ด้วยการวางกลยุทธ์จัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เข้ามาเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคยุค 4.0 เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ

โดยในปัจจุบันธุรกิจที่ปรึกษากลยุทธ์ดิจิทัลของไทยส่วนใหญ่จะเน้นให้บริการกับลูกค้าภาครัฐบาล ส่วนบริษัทเอกชนจะนิยมใช้ที่ปรึกษากลยุทธ์ดิจิทัลจากต่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งนี้ความสามารถของที่ปรึกษากลยุทธ์ดิจิทัลของไทยก็มีไม่น้อยไปกว่าต่างชาติ ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมา บลูบิค กรุ๊ป นับเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ดิจิทัลสัญชาติไทยเพียงรายเดียว ที่สามารถแข่งขันกับบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศที่มีชื่อเสียงระดับโลกในภูมิภาคนี้  โดยมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ระดับนานาชาติกว่า 120 คน ปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ 5% เป็นลำดับที่ 6 ในตลาด โดยในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 40% 

       อย่างไรก็ดีภายในปี 2567 บลูบิค กรุ๊ป ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่ปรึกษาสัญชาติไทยด้านกลยุทธ์ดิจิทัลและการจัดการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี อันดับ 1 ในประเทศไทย ด้วยการเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่เข้าใจความต้องการองค์กรไทยในเชิงลึกและสามารถนำโซลูชั่นที่เหมาะสมที่สุดกับตลาดไทยจากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี และยังมีความเชี่ยวชาญในการเพิ่มขีดความสามารถเกี่ยวกับดิจิทัล ดิสรัปชั่น โดยได้มีการลงทุนเพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญ และลงทุนด้านเทคโนโลยีเชิงลึกใหม่ ๆ ผ่านสตาร์ทอัพในด้านต่าง ๆ อาทิ Design-led innovation, Big data, AI, IoT, Fintech, Green Energy และ Omni channel รวมถึงการมีเป้าหมายก้าวให้ไวกว่าด้วยการมองหาและพัฒนาความเชี่ยวชาญไปยังเทคโนโลยีใหม่ที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดไทยในอนาคต