19 มี.ค. 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของชาติ ว่า ได้หารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง ว่า ถึงเวลาที่ต้องออกมาพูดเรื่องผลงานของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยการทำงานของรัฐวิสาหกิจที่เป็นคนทำจริง ๆ ซึ่งในช่วง 4 ปี ได้มีการมาตรการต่าง ๆ ออกมาจำนวนมาก

          ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าไปได้ต้องพึ่งทั้งนโยบายการเงิน ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนโยบายการคลัง ที่กระทรวงการคลังทำผ่านรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีการดำเนินมาตรการจำนวนมาก เพราะเป็นองค์กรที่มีความคล่องตัว ทำงานได้เร็ว มีผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เป็นอนาคตของประเทศ แต่ที่ผ่านมากลับพบแต่ข่าวว่ารัฐวิสาหกิจไม่มีผลงานออกมา


          “ผลงานของรัฐวิสาหกิจในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมาได้มีการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หนุนให้เกษตรกรทำเกษตรแปลงใหญ่มากขึ้น ธนาคารออมสิน เน้นการปล่อยกู้เพื่อผู้มีรายได้ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทำมีโอกาสมีอาชีพ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศ (ธพว.) มีการปล่อยกู้เอสเอ็มอีรายเล็กให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำมาตรการบ้านล้านหลัง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้มีรายได้น้อยจำนวนมาก และไม่มีรัฐบาลไหนคิดจะทำมาก่อน” นายสมคิด กล่าว


          ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ผ่านมาถูกมองเป็นองค์กรที่ไม่มีอนาคต รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ให้ความสำคัญ เทงบประมาณไปที่กรมทางหลวงเพื่อสร้างถนน เพราะนักการเมืองส่วนใหญ่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่รัฐบาลปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับเรื่องคมนาคมระบบราง ก่อนรัฐบาลนี้ รฟม. มีการดำเนินระบบราง 4 เส้นทาง แต่รัฐบาลนี้มีการดำเนินการเพิ่มถึง 8 เส้นทาง


          ด้านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในการทำงาน 4 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นหางเสือในการปฏิรูปเศรษฐกิจไปสู่การลงทุนที่มีนวัตกรรมและการวิจัยมากขึ้น ใน 4 ปี มีผู้ประกอบการขอยื่นส่งเสริมการลงทุน 5,518 ราย เป็นมูลค่า 2.28 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรม ถึง 65% จากรัฐบาลก่อน ๆ หน้ามีสัดส่วนเพียง52% เท่านั้น


          “เข้ามา 4 ปี บอกว่ารัฐบาลนี้ไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่ความจริงทำมามากมาย ขอให้กระทรวงการคลังส่งผลงานของรัฐวิสาหกิจทั้งหมดให้พรรคการเมืองได้รู้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดมาตรการมาหาเสียง เพราะมาตรการที่หาเสียงมานั้น รัฐบาลนี้ทำหมดแล้ว ไม่ต้องคิดนโยบายใหม่ ๆ แล้ว แค่เข้ามาสานต่อมาตรการของเก่าที่รัฐบาลนี้ทำก็พอ ทั้งนี้ได้บอกผู้บริหารรัฐวิสาหกิจอย่ายึดติดกับตัวบุคคล ถึงผมกับ รมว.การคลัง ไม่อยู่ก็ให้ดำเนินการมาตรการทำมาต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาส ไม่ใช่เอาแต่แขวะกันว่า 4 ปีนี้รัฐบาลทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ต้องเร่งเข้ามาฟื้นฟูซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลนี้ต้องเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจที่รัฐบาลก่อน ๆ ทำเสียหายไว้” นายสมคิด กล่าว


          ด้านนายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ได้หารือกับนายสมคิด ว่าที่ผ่านมาได้รับฟังการหาเสียงจากพรรคการเมืองจำนวนมาก และโดนกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลนี้ทำงานจำนวนมาก และเรื่องที่พรรคการเมืองต่าง ๆ หาเสียงรัฐบาลนี้ก็ดำเนินการแล้ว โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่ง ได้มีมาตรการจำนวนมากช่วยเหลือผู้มีรายได้ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น


          ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการของรัฐบาล จะเน้น 3 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1. โครงการต้องสร้างขีดความสามารถการแข่งขัน 2. ลดความเหลื่อมล้ำ และ 3. อยู่ในวินัยการเงินการคลัง ซึ่งการดำเนินการมาตรการต่าง ๆ ทั้งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะต้องดูว่าการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ต้องมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และไม่สร้างภาระการคลังเกินกฎหมายกำหนด ไม่ได้เป็นโครงการที่ทำขึ้นเพื่อแจกเงินเฉย ๆ โดยที่ไม่ได้ผลทางเศรษฐกิจอย่างที่มีคนกล่าวหา

 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net