28 ก.พ.2562 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมฯ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอกระทรวงการคลังเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตพืชกัญชา โดยคาดว่าจะเสนอภายในรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้มีกฎหมายรองรับไว้สำหรับอนาคตหากมีการอนุญาตให้มีการใช้กัญชาในเชิงพาณิชย์ กรมฯ ก็จะสามารถจัดเก็บภาษีได้ทันที โดย ร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ที่ผ่านความเห็นชอบในชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แม้ว่าจะอนุญาตให้ใช้กัญชา ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัยและพัฒนา ก็พบว่ามีรายละเอียดครอบคลุมถึงการใช้กัญชาในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในอนาคตไว้ด้วย

          ทั้งนี้ กรมฯ ได้ทำรายระเอียดร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตพืชกัญชา ไว้ทั้งหมดแล้ว รวมทั้งอัตราภาษีทั้งหมด อัตราจัดเก็บเทียบเคียง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยกัญชาถือว่าเป็นสินค้าในกลุ่มควบคุม ในลักษณะเดียวกับใบยาสูบ ซึ่งจะต้องเข้าไปกำกับดูแลในทุกขั้นตอน และอัตราภาษีที่จะใช้ก็ต้องมีความแตกต่างกัน ทั้งระหว่างกัญชากับยาสูบอื่นๆ รวมทั้ง การนำกัญชาไปใช้ ในอุตสาหกรรมต่างๆ  เช่น ยาสูบ เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง ก็ต้องมีอัตราภาษีในการจัดเก็บที่ต่างกัน

          “กรมฯ ทำพิกัดภาษีไว้ทั้งหมดแล้ว แต่เร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องอัตราจัดเก็บในชั้นนี้ เพราะกฎหมายเปิดให้ใช้กัญชาได้ในทางการแพทย์และการศึกษาเท่านั้น ซึ่งไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าเริ่มมีการอนุญาตให้ใช้ในเชิงพาณิชย์ในอนาคต เราก็จะมีพิกัดจัดเก็บซึ่งสามารถใช้ได้ทันที โดยกัญชา เราไม่เคยมีพิกัดภาษีมาก่อน และเป็นสินค้าในกลุ่มแปลก ๆ กึ่งยาเสพติด เราก็ต้องจัดเก็บภาษีให้เทียบเคียงกับหลักสากลด้วย” นายพชร กล่าว

          นายพชร กล่าวอีกว่า กรมฯ ได้ศึกษาอัตราเทียบเคียงการจัดเก็บจากหลาย ๆ ประเทศ ที่มีการใช้กัญชาในเชิงพาณิชย์ อย่างถูกกฎหมาย เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจัดเก็บภาษีกัญชา ทั้งรูปแบบ ของเหลว แบบผง และแบบแห้ง โดยกำหนดอัตราภาษี 15% ของมูลค่า และภาษีในเชิงปริมาณที่ 50 เหรียญ ต่อ ออนซ์ ในส่วนของไทยก็จะต้องปรับให้เหมาะสม สอดคล้อง ไม่ได้ใช้ในอัตราเดียวกัน

          อย่างไรก็ดี อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวภายหลังกาประชุมคณะกรรมการพิจารณาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ ครั้งที่ 3 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้คณะทำงานเร่งรัดเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบที่ได้รับผลกระทบรอบแรกรวม 39 ล้านบาท จากวงเงินช่วยเหลือรวม 159 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรกลุ่มที่ปลูกใบยาขายให้กับการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) โดยตรงรวม 4,253 ราย เป็นการจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจากนี้ ธ.ก.ส.จะไปสำรวจรายชื่อเกษตรกร ถ้าถูกต้องก็ดำเนินการจ่ายได้ทันที ส่วนที่เหลือในกลุ่มที่ขายใบยาสูบให้กับ ยสท. อีกกว่า 7,000 รายและ ขายให้กับเอกชนกว่า 4,000 ราย ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องอีกครั้ง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaipost.net