นายอุดมการ อุดมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากการปรับโครงสร้างพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ ทั้งด้านกลุ่มงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ มีการขยายธุรกิจนักลงทุนสถาบันและวาณิชธนกิจ ในช่วงปี 2558-2561 บริษัทมีอัตราการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ยที่ 9% ต่อปี ขณะที่ด้านธุรกิจสถาบัน ส่วนแบ่งตลาดมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 20% ต่อปี และรายได้จากการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของธุรกิจสถาบันมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 40% ต่อปี  ด้านธุรกิจวาณิชธนกิจซึ่งเริ่มรุกอย่างจริงจังในปี 2560 พบว่ามีปริมาณธุรกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีจำนวน 12 บริษัท และปี 2561 มีจำนวน 4 บริษัท  โดยบริษัทได้เป็นผู้ร่วมรับประกันการจัดจำหน่าย (IPO) จำนวน 15 บริษัท สำหรับในปี 2562 เรามีดีลที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 2-5 บริษัท ซึ่งในจำนวนนี้ มี 2 บริษัทที่บล.กรุงศรีเป็นแกนนำในการประกันการจัดจำหน่าย

ทำให้ปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ด้านดิจิทัล แพลตฟอร์ม ด้วยการมุ่งพัฒนา Ecosystem ของระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ Application Programming Interface (API) เพื่อรวมระบบการซื้อขายทุกๆ ผลิตภัณฑ์การลงทุนเข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียว มีการปรับโครงสร้างทีมอีบิสซิเนสและนำกระบวนการทำงานในรูปแบบ Agile เข้ามาใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ในเวลาอันสั้น รวมทั้งการรวบรวมบทวิเคราะห์ และเครื่องมือที่ใช้ในการตัดสินลงทุนและเพิ่มพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น Finnomena ด้านการจัดพอร์ตการลงทุน Deepscope ด้าน Algorithm  StockRadars ด้านข้อมูลประกอบการลงทุน โดยบล.กรุงศรี จะเป็นแกนกลางในการนำแพลตฟอร์มด้านการลงทุนมารวมไว้ด้วยกันเพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้ในที่เดียว รวมทั้งแพลตฟอร์มด้านการลงทุนที่ทางบริษัทจะได้มีการพัฒนาขึ้นเองโดยการอาศัยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกบริษัท นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในโลกยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วขึ้น