พอกันทีกับความรู้สึกน้อยใจเจ้านายของเหล่ามิลเลนเนียลที่ทุ่มเททำงานแทบตาย แต่ราวกับว่าเจ้านายไม่เคยเห็น บอสไม่เคยใส่ใจ เพราะจากนี้ คือ  6 เหตุผลที่สกัดมาให้แล้วว่าเป็นตัวการต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวมิลเลนเนียมมักถูกเมินจากองค์กรจนไม่ได้เติบโตในสายงานอย่างที่หวังไว้

         1.ทำงานหนักไป ถึงจะมีตำรามากมายที่พูดถึงคุณค่าของการทำงานว่าไม่เหมือนกับการวิ่งมาราธอนที่วัดกันที่ความอึดใครวิ่งได้นานกว่ากันคือผู้ชนะ เพราะในโลกของการทำงาน เวลาไม่ใช่ตัวตัดสิน แต่ประสิทธิภาพในการทำงานต่างหากที่สำคัญ การทุ่มเทเวลาอยู่หน้าคอม จนแทบจะกินนอนอยู่ที่โต๊ะทำงานไม่ได้ ทำให้คุณดูมีค่าในสายตาหัวหน้างานหรือองค์กร ในทางกลับกันยังเป็นการลดคุณค่าในการทำงานของตัวเองลงอย่างน่าเสียดาย เพราะสะท้อนว่าคุณบริหารจัดการเวลาไม่เป็น ทำให้ผลตอบรับที่กลับมาแทนที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง กลับกลายว่าเป็นว่าได้งานไปทำมากขึ้น ทั้งที่ผลตอบแทนและตำแหน่งงานอยู่ที่เดิม

         2.ไม่อยากรู้อยากเห็น หนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้คุณดูไม่ดึงดูดเอาซะเลย คือ คิดว่าตัวเองเป็นผู้รอบรู้ทุกเรื่องบนจักรวาล จนเหมือนน้ำเต็มแก้วที่ไม่อยากเปิดรับอะไรอีกแล้ว ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะเป็นผู้รอบรู้มาจากไหน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือ คุณต้องตั้งคำถามให้เป็น เมื่อไหร่ที่คุณตั้งคำถามที่ดี จากนั้นคุณควรจะปิดปากให้สนิทเพื่อรอฟังคำตอบ ด้วยวิธีง่ายๆ นี้ ไม่เพียงคำถามที่ดีจะพาคุณไปสู่อาหารสมองรสเลิศ  แต่คุณยังสามารถเพิ่ิมเสน่ห์ให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ดูน่าจดจำได้อย่างไม่น่าเชื่อ

         3.คุณเป็นพวกหลิวลู่ลมจนเกินเหตุ การที่นายว่าไม่เคยขัด ไอเดียนายคือพระเจ้า ไม่เคยเห็นต่าง หรือมีข้อเสนอแนะ อาจไม่ใช่พฤติกรรมที่จะสามารถมัดใจเจ้านายได้เสมอไป เพราะจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยนอร์ทเธอดาม พบแล้วว่า สถิติของลูกน้องที่ไม่ได้เห็นพ้องเออออตามเจ้านายไปทุกเรื่องมีอัตราการเลื่อนตำแหน่งในแต่ละปีสูงกว่าลูกน้องจำพวกหลิวลู่ลมถึง 18% เหตุผลเพราะต่อให้คนส่วนใหญ่จะชอบอยู่กับคนที่มีความคิดมุมมองคล้ายๆ กัน แต่ในโลกของการทำงานจริง บรรดาผู้นำกลับต้องการให้รอบกายห้อมล้อมด้วยคนที่คิดต่างบ้าง เพื่อให้แผนการหรือโปรเจกต์ต่างๆ ที่คิดไว้ผ่านมุมมองที่รอบด้าน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตั้งป้อมจงใจแย้งเจ้านายหรือหัวหน้างานแบบหัวชนฝา ไปทุกครั้ง แต่แค่แสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล และสร้างสรรค์กลับไป  

         4.คุณเป็นพวกที่ไม่เปิดรับการติดอาวุธทักษะที่จำเป็น ต่อให้เก่งมาจากไหน แต่บันไดขั้นสุดท้ายของการเรียนรู้กลับไม่มีอยู่จริงๆ เพราะฉะนั้นหนึ่งในคุณสมบัติที่คนเป็นผู้นำพึงมี คือ ต้องใฝ่รู้พร้อมที่จะฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่ คุณก็เตรียมตัวหยุดความฝันที่จะเติบโตในสายงานได้เลย

         5.คุณเป็นพวกไม่กล้าตัดสินใจ จริงอยู่ในการทำงาน คุณอาจเลือกเสริมเกราะความมั่นใจด้วยการหมั่นถามความคิดเห็นของหัวหน้างานเป็นระยะ แต่ต้องระวัง หากการหมั่นเช็คระยะของคุณถูกมองว่าถี่ หรือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่น่าจะตัดสินใจเองได้ ก็อาจเป็นเหตุให้คุณเสียคะแนนในสายตาหัวหน้างานได้ เพราะพฤติกรรมของคุณสะท้อนถึงความไม่มั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจ ทางที่ดี เพื่อแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ แทนที่จะคอยถามทีละเล็กทีละน้อย ลองทำเป็นพรีเซ็นเทชั่้น แล้วนัดวันเวลาที่เจ้านายสะดวกเพื่อประชุมให้เป็นกิจจะลักษณะ หนึ่ง เพื่อแจ้งความคืบหน้าของงานที่ทำอยู่และขอความเห็นชอบเป็นหัวข้อๆ จากนั้น ค่อยๆ ลำดับถึงสิ่งที่คุณจะทำต่อไป ข้อสำคัญคือ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมย่อยๆ นี้แล้ว ควรกลับไปทำงานให้เสร็จตามที่คุยกันไว้ ก่อนจะกลับมาหาหัวหน้างานอีกรอบ

         6.คุณเป็นพวกศิลปินเดี่ยว มนุษย์ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์สังคม เพราะฉะนั้นต่อให้คุณจะเก่งกาจสามารถ ตะลุยทุกโปรเจกต์แบบฉายเดี่ยวได้ผ่านฉลุย แต่สุดท้ายคำว่าทีมเวิร์กก็ยังเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานและเป็นคุณสมบัติที่คนที่จะก้าวมาเป็นบอสพึงมี เพราะผลงานที่ดี อาจจะมาจากไอเดียของคนๆ เดียว แต่ไอเดียที่ดีที่สุด สามารถนำไปใช้จริง เกิดจากการตกผลึกทางความคิดของหลายๆ ฝ่ายซึ่งประกอบด้วยประสบการณ์และความรู้ที่หลากหลาย

         รู้แบบนี้แล้วก่อนจะตัดพ้อโทษฟ้าดิน ตำหนิโชคชะตา ลองถามตัวเองดูซิว่า คุณเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติ 6 ข้อนี้ที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นความก้าวหน้าในอาชีพหรือเปล่า ถ้าใช่ต้องรีบแก้ไขด่วน