14 ม.ค.2562 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป เตรียมประกาศแผนร่วมทุนกับ บริษัท ดับบลิว เอช เอคอร์ปอเรชั่น จำกัด(WHA) ในโครงการอีคอมเมิร์ส ปาร์ค ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสรุปแผนรายละเอียดและเม็ดเงินลงทุนขั้นสุดท้าย โดยเร็วๆ นี้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ การลงทุนครั้งนี้นับเป็นนโยบายที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจไทยที่เป็นรายกลางและย่อม (เอสเอ็มอี)เข้าถึงบริการอีคอมเมิร์สเพื่อเพิ่มช่องทางการค้ามากขึ้น

 

“โครงการอีคอมเมิร์ส ปาร์ค อาลีบาบาได้มีข้อตกลงกับรัฐบาลไทยในการพัฒนาผู้ปะกอบการไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการใหม่หรือสตาร์ทอัพเกี่ยวกับการทำตลาดออนไลน์และจะช่วยยกระดับราคาสินค้าเกษตรให้เข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น ซึ่งอาลีบาบาจะจัดอบรมทำโปรแกรมพิเศษให้ผู้ประกอบการไทยสนใจรวมถึงการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนา“นายอุตตม กล่าว

ทั้งนี้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทั้งอีคอมเมิร์สทำให้การค้าออนไลน์เริ่มขยายตัวมากขึ้นและเร่ิมกระทบกับบางธุรกิจเช่น โลจิสติกส์ ฯลฯ ซึ่งผู้ประกอบการไทยจะต้องปรับตัวรองรับ รวมถึง เทคโนโลยี 5 G ที่คาดว่าจะเข้ามาในอนาคตอันใกล้นี้เป็นสิ่งที่ผมเองมีความเป็นห่วงภาคอุตสาหกรรมของไทยโดยเฉพาะเทคโนโลยี 5 G นั้นจะทำให้ระบบหุ่นยนต์ยิ่งมีการพัฒนามากขึ้นกว่าปัจจุบันดังนั้นภาคการผลิตของไทยจะต้องเร่งปรับตัวรองรับ 

สำหรับความคืบหน้าโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก(อีเอฟซี)เพื่อเป็นตลาดกลางซื้อขายผลไม้ใน อีอีซี ซึ่งจะตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมสมาร์ทพาร์คจ.ระยอง ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มอบให้ศึกษารูปแบบ การตลาด มีจริงหรือไม่ล่าสุดได้ข้อสรุปว่ามีโอกาสของการพัฒนาผลไม้หลัก เช่น ทุเรียน ถ้ามีระบบห้องเย็นจะรักษาคุณภาพเพื่อจำหน่ายไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น ดังนั้นจึงมอบหมายให้ไปหารือกับผู้ที่สนใจจะลงทุนอาทิ บมจ.ปตท. ธนาคารกรุงไทยจำกัด(มหาชน) เครือเอสซีจี นักลงทุนในพื้นที่ นักลงทุนที่สนใจจากต่างประเทศอาทิ ญี่ปุ่น เป็นต้น 

อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมสมชาย หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปความชัดเจนภายในเดือนก.พ.นี้ โดยเฉพาะเม็ดเงินลงทุน สัดส่วนการร่วมลงทุนซึ่งเบื้องต้นทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เสนอให้เป็นรูปแบบรัฐร่วมภาคเอกชน(พีพีพี) โดยคาดหากทุกอย่างดำเนินตามขั้นตอนที่วางไว้จะเห็นการลงทุนได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ 

“กรุงไทยเขาสนใจที่จะร่วมลงทุนด้วยแต่รายละเอียดยังคงต้องไปดู ซึ่งรูปแบบพีพีพี ทางเอกชนก็เสนอเพราะจะมีความคล่องตัวมากกว่าในการบริหาร  ผมก็ฝากปตท.ไปดูในเรื่องเทคนิคอลที่เกี่ยวข้องกับระบบความเย็นซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับระบบท่อก๊าซธรรมชาติ และอาจจะต้องเป็นในส่วนของการนำความเย็นมาจากก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) หรือไม่อย่างไร  โดยต้องการให้เกิดความยั่งยืนมากสุด”นายอุตตม กล่าว

อย่างไรก็ตามการหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของรัสเซียเมื่อเร็ว ๆนี้ว่า ทางนักลงทุนรัสเซียให้ความสนใจที่จะลงทุนด้านอุตสาหกรรมอากาศยาน และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaipost.net