เจาะลึกประเทศจีน : สาเหตุที่จีนต้องสร้าง ”new paradigm of globalisation”

            ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ดูเหมือนอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ประเทศจีนได้ก้าวขึ้นมาอยู่ชั้นแนวหน้าที่สหรัฐอเมริกาเองก็ยังต้องกลัว TerraBKK จับประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการปรับตัวด้านเศรษฐกิจจีน ลองมาดูข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับ การสร้าง ”new paradigm of globalisation” ของประเทศจีน รายละเอียดดังนี้


หรือจีน กำลังจะเกิด “ วัฏจักรเศรษฐกิจรอบใหม่ ” ?


           จีนเข้าสู่ภาวะถดถอยนับแต่ปี 2008 (ช่วงวิกฤติทางการเงิน) ตัวเลข GDP Growth Rate ของจีนลดลงมาอยู่ที่หลักหน่วย สะท้อนความสามารถในการเติบโตทางเศรษฐกิจถดถอยอย่างเห็นได้ชัด จากผลกระทบทางด้าน FDI ลดลงในประเทศจีน ค่าเฉลี่ยช่วง 2009-2016 อยู่ที่ราว 5%


            จากนั้น ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นใน ปี 2016 สร้างตัวเลข GDP Growth Rate 6.7% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ (ประมาณ 6.5%) ทางการจีนจึ่งเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มเป็นตัวนำให้เห็นว่าจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจจีนได้ผ่านไปแล้ว และกำลังเข้าสู่ช่วง Rebound อาจเริ่มเตะตาได้รับความสนใจจากบริษัทต่างชาติ แต่ยังคงรอดูท่าทีเข้าลงทุนในจีน



            แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะวิกฤติการเงินโลก ทางการจีนยังเชื่อว่า เศรษฐกิจจีนยังคงมีเสถียรภาพ แม้ว่าการเติบโตยังดูเปราะบางในระยะยาว ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะไม่แน่นอน จังหวะที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักเฝ้าสังเกตการณ์มากกว่าตัดสินใจลงทุน อาจจะเป็นโอกาสลงทุนสำคัญสำหรับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสในช่วงเริ่มต้นของ “วัฏจักรเศรษฐกิจรอบใหม่” โอกาสขยายตลาดในขณะที่มีการแข่งขันต่ำ จากการเฝ้าระวังของเหล่าบริษัทต่างชาติที่ยังมองดูท่าทีความชัดเจนของเศรษฐกิจจีนต่อไป

“ปฏิรูปโครงสร้างอุปทาน” กลยุทธ์ที่จีนเลือก เพื่อวาง “รากฐานวงจรเศรษฐกิจใหม่”

            ย้อนกลับไปปี 2016 จีนประกาศ ลดขนาดกำลังผลิตส่วนเกิน เพื่อปรับปรุงกำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรม อย่างเช่นการลดการใช้ถ่านหินลง 500 ล้านตัน ภายใน 3-5ปี และลดเหล็ก100-150 ล้านตัน ภายใน 5ปี ล่าสุดสิ้นปี 2017 สามารถลดปริมาณถ่านหินถึง 90% และปริมาณเหล็ก 76% ของเป้าหมายที่วางไว้ 5 ปีข้างต้น (ปี 2016-2020)

              อัตราส่วนการก่อหนี้ของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง เป็นผลมาจากความพยายาม deleveraging โดยทางการจีน ตั้งแต่ปี 2016 จีนเริ่มส่งเสริมการควบรวมกิจการและการปรับโครงสร้าง เช่นเดียวกับการจัดหาเงินทุนและการบริหารหนี้สิน อัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ระหว่างบริษัทรายอุตสาหกรรมจึงลดลงตามลําดับ ขณะที่หนี้รัฐบาลท้องถิ่นก็สามารถลดปริมาณดอกเบี้ยจ่ายเช่นเดียวกัน จากภาพรวมภาระหนี้ลดลงในเศรษฐกิจจีน ความเสี่ยงของระบบดูดีขึ้น ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนในเชิงบวก เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ 'วงจรเศรษฐกิจใหม่'

              ด้าน ภาคอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลจีนพยายามลด "สินค้าคงเหลือส่วนเกิน" ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยสนับสนุนประชากรซื้อบ้าน อาทิ ปรับปรุงรอบระบบที่อยู่อาศัยสำหรับการเช่าและการซื้อ, เพิ่มอุปทานบนที่ดินรองรับการอยู่อาศัย, ควบคุมและพัฒนาการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ผลที่ออกมาในช่วงปี 2016-2017 พบว่า สินค้าคงคลังหดตัวและมีรอบการขายสั้นลง ช่วยลดความเสี่ยงจำนวนที่อยู่อาศัยส่วนเกินและวางเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับเศรษฐกิจจีนที่จะเข้าสู่รอบวัฏจักรใหม่

             ขณะเดียวกัน การลดต้นทุนธุรกิจ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลจีนให้ความพยายามอย่างจริงจัง อาทิ การเปลี่ยนแปลงการคิดภาษี VAT เป็นต้น จีนคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริงและสามารถวางรากฐานความมั่นคงระยะยาวสำหรับ 'วงจรเศรษฐกิจใหม่' ได้

             รวมทั้ง การเสริมสร้างความแข็งแรงในภาคส่วนที่มีช่องโหว่ เช่น การลดความยากจน, การปกป้องสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมนวัตกรรม ซึ่งในอนาคต รัฐบาลจีนยังมุ่งมั่นดำเนินการแก้ไข 'จุดอ่อน' เหล่านี้ เพื่อช่วยเหลือและยกระดับพื้นที่หรือภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไปสู่การพัฒนา เพื่อสนับสนุนและเอื้อประโยชน์ต่อประเทศจีนเข้าสู่ 'วงจรเศรษฐกิจใหม่'


เครื่องยนต์สำคัญของ “วงจรเศรษฐกิจใหม่” ครั้งนี้


             จีนมองว่า ภาคบริการ และ ภาคเทคโนโลยี จะเป็นเครื่องยนต์หรือตัวขับเคลื่อนหลักของการเติบโตภายใต้วัฏจักรเศรษฐกิจใหม่ของจีน ตั้งแต่ปี 2012 รวมทั้ง ภาคอุปสงค์ภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอุปสงค์การบริโภค ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ใหญ่ที่สุดในเศรษฐกิจจีน โดยมองว่า "การเติบโตทางเศรษฐกิจ" และ "ตัวเลขรายได้รวมของประชากร" จะเป็นตัวปลดล๊อคศักยภาพด้านอุปสงค์ภายในประเทศ


              ขณะที่ การพัฒนาพื้นที่ใน ภาคกลาง, ภาคตะวันตกของจีน และ พื้นที่ชนบท จะเป็นหนึ่งการสนับสนุนการเติบโตเศรษฐกิจจีน เช่นเดียวกัน จีนกำลังดำเนินกลยุทธ์การพัฒนาภูมิภาคให้มีความสมดุลมากขึ้น บวกกับความได้เปรียบด้านต้นทุนที่ชัดเจนมากขึ้น  ล่าสุดภูมิภาคตอนกลางและตะวันตกกำลังกลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด นอกจากนี้ จีนยังคงสนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรมการเกษตร และกำลังเร่งดำเนินการปฏิรูประบบเศรษฐกิจในชนบท เพื่อลดช่องว่างรายได้ประชากรในเมืองและชนบท เชื่อว่าผลจากการสร้างศักยภาพตลาดในพื้นที่ชนบทเหล่านี้ จะเริ่มรับรู้และช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนอย่างต่อเนื่อง


ไม่ใช่แค่จีน แต่มองไกลไปถึง “การเติบโตเศรษฐกิจโลก”


           เมื่อเศรษฐกิจของจีนขยายตัว รายได้ของครัวเรือนเพิ่มขึ้น กระแสการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดนยังคงมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้ เชื่อว่าการเกิดขึ้นของ 'วงจรเศรษฐกิจใหม่' ของจีนจะเป็นพลวัตใหม่ไปสู่เศรษฐกิจโลก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความสำคัญของจีนต่อเศรษฐกิจโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จีนมีสัดส่วนในการเติบโตเศรษฐกิจโลกราว 30% สูงสุดเมื่อเทียบกับ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, อินเดีย, และกลุ่มยูโรโซน

            Belt and Road Initiatives (BRI) กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จีนนำเสนอต่อโลกในยุคโลกาภิวัตน์ พร้อมขยายอิทธิพลของจีนในเวทีโลก เชื่อว่าการลงทุนข้ามพรมแดนจะช่วยดึงเศรษฐกิจโลกกลับมาเป็นปกติและจะนำไปสู่โอกาสในการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้น พร้อมกับลดความเสี่ยงภัยด้านคุกคามการค้า ด้วยการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งและเศรษฐกิจจีนกับ 65 ประเทศ ใน 3 ทวีป

             แน่นอนว่า “วงจรเศรษฐกิจใหม่” และ new paradigm of globalisation “กระบวนทัศน์ใหม่ของโลกาภิวัตน์” ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยังหาความแน่นอนไม่ได้ จึงเกิดความเสี่ยงได้รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นของประเทศที่เกี่ยวข้อง การกีดกัดหรือผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวระหว่างประเทศ ความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมก่อสร้างระหว่างประเทศ ความละเอียดอ่อนเรื่องเงินลงทุน รวมทั้ง กลไกบริหารความเสี่ยงในการลงทุน

             ท้ายที่สุด การบ้านหนักอึ้งยังตกอยู่ที่จีน ผู้ที่ต้องการวางเป้าหมายพัฒนาเศรษฐกิจจีนไปไกล ทั้งระดับภายในประเทศจีนอย่าง “วงจรเศรษฐกิจใหม่” รวมทั้ง “กระบวนทัศน์ใหม่ของโลกาภิวัตน์” ที่ได้นำเสนอโลก เพื่อขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา จีนเองยังคงต้องก้าวต่อไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการลงทุนภายใต้เศรษฐกิจโลกภาวะผันผวน เลือกลงทุนในอุตสาหกรรมที่ถูกต้อง เลือกลงทุนในภูมิภาคที่เหมาะสม เลือกคู่ค้าที่ลงตัวลดความเสี่ยงทางธุรกิจ รวมทั้งสามารถควบคุมความเสี่ยงทั้งเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ---TerraBKK

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน
TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก