เราต้องยอมรับว่าในยุคนี้โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นหนี้ของพวกเราคนทำงานนั้นค่อนข้างที่สูง เพราะว่าสิ่งเร้ารอบข้างค่อนข้างที่จะเยอะ บวกกับค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตค่อนข้างจะสูงโดยเฉพาะในเขตตัวเมือง จึงทำให้บางครั้งนั้นรายได้ที่หามาได้ก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จนเป็นเหตุให้ต้องเป็นหนี้ขึ้นมานั่นเอง
 รวมถึงหลายๆ คนนั้นมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแบบไม่มีการวางแผน ใช้จ่ายไปตามอารมณ์ จนทำให้เป็นหนี้ ซึ่งก็จริงอยู่ว่าบัตรเครดิตนั้นเป็นตัวช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้จ่ายให้กับเรา แต่ทว่าสุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับเราผู้ถือบัตรต่างหาก ว่าจะใช้ให้เกิดประโยชน์หรือเกิดหนี้สินแก่ตัวเอง
ด้วยเหตุนี้ MoneyGuru.co.th จะพาไปดูสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากมี หนี้ท่วมหัว กัน เพื่อที่เราจะได้ระวังตัวกันไว้ จะได้ห่างไกลจากการมี หนี้ท่วมหัว มาบดบังอนาคตการเงินของเรา
การใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสิ่งของที่เราอยากได้ หรือ ใช้เงินเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานที่หนัก ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่เราควรมีการวางแผนการใช้จ่ายให้ดี เพื่อที่เราจะได้ไม่ใช้จ่ายมากจนเกินไป จนเป็นเหตุให้เดือดร้อนเรื่องการเงิน

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากมีหนี้ท่วมหัว

1.ต้องจ่ายชำระหนี้เกินกว่า 40% ของรายได้ในแต่ละเดือน

การรู้จักจ่ายชำระหนี้ที่เรามีอยู่ ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเป็นการค่อยๆ ปลดหนี้ที่เรามีอยู่ให้หมดไป เพื่อให้สภาพการเงินของเรานั้นกลับมาดีอีกครั้ง แต่ทว่าหากเราต้องจ่ายชำระมากจนเกินไปในแต่ละเดือนก็คงไม่ดีแน่ๆ เพราะอาจจะเดือดร้อนเงินในส่วนอื่นๆ จนอาจจะทำให้เราเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาอีกก็ได้เนื่องจากว่าเงินไม่พอใช้
และการที่เราต้องจ่ายชำระหนี้มากๆ ในแต่ละเดือนนี้ ก็จะแสดงให้เห็นว่าเรานั้นมีหนี้สินอยู่มาก ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ก็อาจจะทำให้เราเสียโอกาสดีๆ ในชีวิตไปก็ได้ เพราะเงินรายได้ที่เราหามาได้นั้นหมดไปกับการจ่ายหนี้เสียส่วนใหญ่ จนอาจจะไม่มีเหลือพอที่จะนำไปต่อยอดเพื่อให้เงินงอกเงยเพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งบางครั้งกว่าที่เราจะรู้ตัวสภาพการเงินของเราก็ย้ำแย่ไปเสียแล้ว ดังนั้นเราจึงมีวิธีเช็คว่าเรามีหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนเกินกว่า 40% หรือไม่ มาฝากกัน ตามมาดูกันเลย
วิธีเช็คว่าเรามีหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละเดือนเกินกว่า 40% หรือไม่
  • เริ่มต้นด้วยการนำเอารายจ่ายในส่วนของยอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนของเรา เช่น หนี้รถ สินเชื่อ หนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนคอมพิวเตอร์ หนี้ผ่อนของต่างๆ เป็นต้น ทั้งหมดมารวมกัน เราก็จะได้ยอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนของเราแล้ว
  • จากนั้นก็นำยอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนของเรามาหารด้วยเงินเดือนหรือรายได้ของเรา แล้วคูณด้วย 100
  • รอดูตัวเลขสุดท้ายที่ออกมานี้ว่าเกินกว่า 40% หรือไม่ ถ้าไม่เกินก็ยังถือว่ายังไม่น่าห่วง แต่หากเกินกว่า 40% นี่ถือว่าน่าเป็นห่วงแล้วล่ะครับ เราต้องรีบแก้ปัญหาอย่างด่วนนั่นเอง เช่น หารายได้เสริม เป็นต้น เพราะไม่อย่างนั้นเราอาจจะประสบปัญหาการเงินได้ครับ
ตัวอย่างการคำนวณ
– เรามียอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนดังนี้
  • หนี้ค่าผ่อนคอมพิวเตอร์ 2,000 บาท
  • หนี้ค่าผ่อนโทรศัพท์มือถือ 2,000 บาท
  • หนี้ค่าผ่อนเครื่องเกม 2,000 บาท
  • หนี้ผ่อนรถ 7,000 บาท
– รวมแล้วยอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนของเราจะเท่ากับ 2000 + 2000 + 2000 + 7000 = 13,000 บาท
– เรามีรายได้เดือนละ 25,000 บาท
– ยอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนของเราคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อรายได้จะเท่ากับ 13,000 ÷ 25,000 × 100 = 52%
ถือว่าน่าเป็นห่วงอย่างมากเพราะเกินกว่า 40% ไปค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ทางที่ดีรีบหารายได้เสริมและลดการใช้จ่ายๆ ต่างของเราลงจะดีกว่าครับ เพื่อที่เรานั้นจะได้หลีกเลี่ยงการเป็น หนี้ท่วมหัว ครับ

2.ลืมว่าเรามีหนี้อยู่ทั้งหมดเท่าไหร่

ไม่ควรเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับ เพราะว่าหากเราลืมว่าเรามีหนี้สินทั้งหมดอยู่เท่าไหร่ เราก็อาจจะลืมที่จะจ่ายชำระคืนหนี้บางส่วนทำให้ดอกเบี้ยค่อยๆ เติบโตขึ้นไปตามเวลาที่เราปล่อยทิ้งไว้ครับ นานวันเข้าเราอาจจะมีปัญหาจากดอกเบี้ยตรงนี้ขึ้นมาได้นั่นเอง ทางที่ดีเราควรที่หมั่นตรวจสอบอยู่เสมอว่าเรานั้นมีหนี้อยู่ทั้งหมดเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้วางแผนหาทางจัดการให้หนี้ที่มีอยู่หมดไป รวมถึงวางแผนประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อลดโอกาสการก่อหนี้ใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยครับ
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : เป็นหนี้ท่วมหัวฟังทางนี้ เรามี วิธีปลดหนี้ มาฝาก
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม : ปลดหนี้บัตรเครดิต จากการท่องเที่ยวแบบง่ายๆ
ทางที่ดีนั้นเราควรที่จะห่างไกลจากการเป็นหนี้ไว้ให้มากที่สุดจะเป็นการดีกว่าครับ โดยเฉพาะหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายตามอารมณ์ของเรา เพราะบางครั้งอารมณ์อยากได้เพียงชั่ววูบอาจจะทำให้เราต้องมีหนี้ก้อนใหญ่ก็ได้ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก www.moneyguru.co.th