นอกจากวิธีการเลี้ยงลูกแบบคุณพ่อคุณแม่เฮลิคอปเตอร์ (Helicopter Parents) หรือพ่อแม่ที่คอยเวียนดูแลลูกแบบไม่ยอมปล่อยมือ จนถูกนำมาเปรียบเปรยว่าเหมือนเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนใกล้ลูกตลอดเวลา พร้อมเสมอที่จะลงจอดฉุกเฉินเพื่อเข้าไปจัดการกับปัญหาไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ให้กับลูก จะถูกมองว่าเป็นการรังแกลูกทางอ้อม ทำให้เขาเติบโตมาแล้วเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่อดทน แก้ปัญหาไม่เป็น แบกรับความผิดหวังไม่ได้ ในโลกของการทำงานยังมีการเปรียบเปรยการปกครองลูกน้องด้วยแนวคิดแบบเฮลิคอปเตอร์สไตล์ไว้อย่างเจ็บแสบว่า ไม่ต่างจากมะเร็งร้ายขององค์กร

          แม้ว่าบรรดา “บอสเฮลิคอปเตอร์” จะเถียงว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะมีเจตนาดีล้วนๆ หวังจะสร้างผลงานให้ทีมบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ แต่ถ้าลองสลับร่าง จากบอสไปสวมวิญญาณลูกน้อง คุณจะพบคำตอบว่า พวกเขาไม่เคยต้องการความหวังดีที่คุณมอบให้ ในทางตรงข้ามความหวังดีของคุณกำลังกลายเป็นยาพิษที่ทำให้ลูกทีมอ่อนแรงลงทุกวัน และหมดกำลังที่จะสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? คำถามนี้ตอบได้ด้วย 3 พฤติกรรมของบอสเฮลิคอปเตอร์ที่พาให้ลูกน้องขยาด

          1.คุณมักทำให้ลูกน้องหงุดหงิด หรือ น้อยใจโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดี หรือ จุดประสงค์อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้คุณเลือกทำตัวเป็นนักสืบที่คอยติดตามการทำงานของลูกน้องทุกฝีก้าว คอยถามไถ่ถึงความคืบหน้าของงานทั้งที่ยังไม่ถึงเดดไลน์ หรือ แม้แต่การให้คำแนะนำโดยที่ลูกน้องไม่ได้ร้องขอ รู้หรือไม่ว่า พฤติกรรมทั้งหมดนี้เหมือนเป็นการล้อมรั้วตีกรอบให้สภาพแวดล้อมในออฟฟิศถูกปิดกั้น ระดับความเชื่อมั่นในตัวเองของลูกทีมหดหาย  

          2.ทีมของคุณไม่เคยรู้จักกับความล้มเหลว ฟังดูอาจเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามองให้ลงไปให้ลึกว่า การไม่ล้มเหลวในที่นี้ เป็นเพราะลูกทีมทำงานอย่างเต็มศักยภาพ หรือ เพราะมีบอสอย่างคุณคอยโอบอุ้มดูแลไปซะทุกอย่าง จนไม่เปิดโอกาสแม้แต่จะให้ลูกน้องได้ลิ้มรสชาติความผิดพลาด ซึ่งเป็นบทเรียนแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญในชีวิตของมนุษย์ทุกคน หากคุณไม่ยอมปล่อยวางให้ลูกน้องได้เจอกับความล้มเหลวบ้าง พวกเขาก็ไม่ต่างกับเด็กน้อยที่ต้องคอยมีพ่อแม่อุ้มชูตลอดเวลา ซึ่งผลเสียที่ตามมา คือ พวกเขาก็ไม่มีทางได้เรียนรู้การแก้ปัญหาและขาดภูมิต้านทานที่จะรับมือกับความล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับบอสที่รู้ว่าทางตรงหน้าเป็นทางตัน ก็ยังต้องแสร้งปิดตาแล้วปล่อยให้ลูกทีมเดินต่อไป แต่ถ้าไม่ปล่อยให้พวกเขาล้มวันนี้ วันหน้าถ้าคุณไม่สามารถโอบอุ้มพวกเขาได้ตลอด อาจจะสร้างความเสียหายที่ใหญ่หลวงกว่า

          3.มองภาพเล็กจนไม่เห็นภาพใหญ่ของการทำงาน เมื่อใดก็ตามที่ใกล้จะปิดไตรมาสแล้ว คุณกลับรู้ว่านอกจากจะต้องแบกภาระการดูแลทีม เป้าหมายในการทำงานของคุณเองก็ดูเหมือนจะเป็นงานยักษ์ที่ปิดจ็อบไม่ลงตัวซักที  

          รู้ไว้เลยว่านี่คือสัญญาณอันตรายที่บอกว่า คุณกำลังตั้งโฟกัสในการทำงานผิดจุด คุณอาจจะลงดีเทลไปที่จุดเล็กในการทำงานรูทีนของลูกน้อง แต่มองข้ามที่จะวางกลยุทธ์เพื่อบรรลุเป้าหมายใหญ่ เปรียบเหมือนพ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ หลายครั้งพวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายในการพาลูกเข้าเรียนโรงเรียนระดับท็อปแถมยังเพิ่มทักษะความสามารถพิเศษให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีความสามรถรอบตัวได้ แต่กลับล้มเหลวที่จะหล่อหลอมให้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมเผชิญกับโลกกว้าง กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา กล้าคิดและตัดสินใจไปอย่างน่าเสียดาย

ทั้งหมดนี้ คือ เช็คลิสต์ง่ายๆ ที่บอสทุกคนควรย้อนกลับมาถามตัวเองว่า คุณกำลังทำเป็นตัวเป็นบอสที่รังแกลูกน้องหรือเปล่า?