เวิลด์แบงก์เผยผลจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ ปี 2562 ร่วง 1 อันดับ มาอยู่ที่ 27 จากปีก่อนอยู่ที่ 26 จากทั้งหมด 190 ประเทศ สวนทางคะแนน EODB เพิ่ม ด้าน ก.พ.ร. ฟุ้ง 4 ด้านไทยคะแนนพุ่ง “การเริ่มต้นธุรกิจ-การขอใช้ไฟฟ้า-การชำระภาษี-การค้าระหว่างประเทศ” เมินอันดับร่วง มองคะแนนขยับสะท้อนการพัฒนาที่ดีขึ้น

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้เผยแพร่รายงานอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Doing Business) ของประเทศทั่วโลกประจำปี 2562 โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจอันดับที่ 27 จากทั้งหมด 190 ประเทศ ด้วยคะแนน Ease of Doing Business Score (EODB) รวมทุกด้าน 78.45 คะแนน เพิ่มขึ้น 1.06 คะแนน แต่อันดับลดลง 1 ขั้นจากอันดับ 26 ในปี 2561

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เปิดเผยว่า คะแนนของประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจที่สำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ด้านการชำระภาษี และด้านการค้าระหว่างประเทศ  กรณีด้านการขออนุญาตก่อสร้างของไทยที่อันดับลดลงมาอยู่ที่ 67 ในปีนี้จากอันดับ 43 เมื่อปีก่อนนั้น ยอมรับว่า เป็นผลจากระบบราชการมีปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางด้านวิศวกรรมที่จะมาทำหน้าที่ตรวจสอบ ทำให้ขั้นตอนกินระยะเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นไปโดยปริยาย ซึ่ง ก.พ.ร.จะเสนอให้รัฐบาลแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค เพื่อลดขั้นตอนและระยะเวลาให้เหมาะสม พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เช่น การเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานราชการเข้าด้วยกัน
"อันดับไม่ได้บอกอะไรได้ทั้งหมด แต่เราจะดูคะแนนในแต่ละด้านว่ามีพัฒนาการดีขึ้นหรือไม่ เราไม่ได้สนในเรื่องอันดับ แต่สนใจในเนื้อหาว่าได้พัฒนาไปได้ดีอย่างไร ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างไร" นายปกรณ์ กล่าว

โดยในครั้งนี้ ธนาคารโลกได้เปลี่ยนหลักเกณฑ์การจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจใหม่ จากเดิมที่ใช้ระยะห่างจากเป้าหมายที่กำหนด (Distance to Fontier : DTF) มาเป็นการวัดแบบ EODB เพื่อให้การคำนวณสะท้อนความเป็นจริงมากที่สุด โดยวิธีนี้ประเทศที่ดีที่สุดในแต่ละตัวชี้วัดจะได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน ส่วนประเทศที่ทำได้ไม่ดีที่สุดในตัวชี้วัดนั้นจะได้คะแนน 0 คะแนน ส่วนประเทศอื่นจะได้คะแนนตามผลงานที่ทำได้เมื่อเทียบกับ Banchmark ดังกล่าว

นายมาร่า วาร์วิค ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย บรูไน มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า การจัดอันดับนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและทำให้เกิดการแข่งขัน โดยนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ถึงแม้ประเทศไทยจะทำดีขึ้นแต่ประเทศอื่น ๆ ก็ทำดีขึ้นเช่นกัน และเชื่อว่ารัฐบาลจะพยายามที่จะเดินหน้าปฏิรูปประเทศอย่างเข้มแข็งกันต่อไป

“หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ พบว่า ด้านการขอเริ่มต้นธุรกิจของไทยถ้าเป็นเมื่อ 16 ปีก่อนจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แต่ขณะนี้ลดลงเหลือ 7 วัน แต่นิวซีแลนด์ใช้เวลาแค่ครึ่งวัน ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลายของไทยใช้เวลา 1 ปีครึ่ง มาเลเซีย 1 ปี และมองโกเลีย 4 ปี เป็นต้น ซึ่งการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจนี้จะเป็นเครื่องมือที่ผู้บริหารประเทศจะนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายต่อไป” นายมาร่า กล่าว

ทั้งนี้ นิวซีแลนด์ ได้อันดับ 1 ในรายงาน Doing Business ประจำปีนี้ ตามมาด้วย สิงคโปร์, เดนมาร์ก, ฮ่องกง และเกาหลีใต้ ส่วนสหรัฐฯ อยู่ที่อันดับ 8 ลดลงจากอันดับ 6 ในปีที่แล้ว ส่วนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น สิงคโปร์ได้อันดับ 2 จากการสำรวจประเทศทั่วโลก ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน ขณะที่มาเลเซียอยู่ที่อันดับที่ 15 เพิ่มขึ้น 9 อันดับ, ไทยอันดับที่ 27 ลดลง 1 อันดับ, บูรไนอันดับที่ 55 เพิ่มขึ้น 1 อันดับ, เวียดนามอันดับที่ 69 ลดลง 1 อันดับ, อินโดนีเซียอันดับที่ 73 ลดลง 1 อันดับ, ฟิลิปปินส์อันดับที่ 124 ลดลง 11 อันดับ, กัมพูชาอันดับ 138 ลดลง 3 อันดับ, สปป.ลาว อันดับที่ 154 ลดลง 13 อันดับ และเมียนมาอันดับที่ 171 ไม่เปลี่ยนแปลง

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net