คุณมักจะเห็นคนพวกนี้อยู่ในหลายๆ ที่ เดินอย่างมีความมั่นใจเข้าไปขอไลน์คนที่เจอในผับ พูดสร้างแรงบันดาลใจตามเวทีต่างๆ หรือเป็นหน่วยกล้าตายถามคำถามอันสุดแสนจะน่ากลัวกับเจ้านาย สิ่งที่คนเหล่านี้มีก็คือความมั่นใจ! คุณเคยแอบหวังว่าคุณจะมีความมั่นใจได้แบบพวกเขา กล้าที่จะทำในสิ่งที่พวกเขาทำ หรือกล้าที่จะพูดในสิ่งที่พวกเขาพูดไหมล่ะ?

          เมื่อพูดถึงคำว่า “ประสบความสำเร็จ” คุณนึกถึงอะไรคะ? ผู้คนในทีวี หรือชีวิตจริงที่ดูเหมือนจะไม่กลัวอะไรเลย และมักจะมีคำพูดดีๆ ไว้สอนคนอื่นตลอดเวลา พวกเขาดูมั่นใจมากเลยใช่มั้ย? แน่นอน ความมั่นใจนั้นจะทำคุณไปสู่ความสำเร็จและเรื่องอื่นๆ ด้วย

          บางคนอาจจะคิดว่าความมั่นใจเป็นเรื่องของพรสวรรค์เฉพาะบุคคล แต่จะบอกให้ว่า จริงๆ แล้ว ความมั่นใจนั้นเป็นทักษะที่ฝึกกันได้นะคะ ไม่มีใครมั่นใจในตัวเองตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่หรอก แต่เป็นสิ่งต่างๆ ที่เราพบเจอ หรือตัวแปรทางสังคมต่างๆ ที่สร้างให้เรามีวิธีคิดแบบที่เป็นอยู่

          หรือบางคนคิดว่า คนที่มีความมั่นใจในตัวเองจะต้องไม่กลัวอะไรเลย ไม่จริงนะคะ พวกเขาก็มีข้อจำกัดและความกลัวที่ทำให้พวกเขาไม่มั่นใจได้เหมือนกับเราๆ เนี่ยแหละ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่างก็คือ ความสามารถที่จะก้าวข้ามความกลัวและเอาชนะมันให้ได้

          และนี่ก็คือเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และมันก็เหมือนกับการฝึกนิสัยทั่วๆไป ก็คือคุณต้องทำให้ชิน ทำให้เป็นนิสัย แล้วความมั่นใจก็จะอยู่ใน DNA ของคุณเองล่ะ

1. รับรู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งแค่ไหน

          ไม่ใช่เราทุกคนที่จะมีเวลาทำความเข้าใจกับความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม การรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจ มันมีสื่อออนไลน์และหนังสือหลายเล่มเลยล่ะที่จะช่วยให้คุณเข้าใจตรงนี้ได้ StrengthFinder 2.0 ก็เป็นหนังสือที่ดี และยังมีแบบทดสอบออนไลน์เพื่อค้นพบความแข็งแกร่งของคุณอีกด้วย 

          กุญแจสำคัญของข้อนี้ก็คือ การหาความแข็งแกร่งของตัวเองให้เจอและย้ำเตือนตัวเองไว้เสมอ คุณอาจจะลองเขียนออกมาเป็นลิสท์แล้วเก็บมันไว้ในกระเป๋าสตางค์ โต๊ะทำงาน หรือติดไว้หน้ากระจกก็ได้ เพื่อที่จะได้ย้ำเตือนให้คุณมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองยังไงล่ะ

2. ฝึกมากๆ ก็จะเก่งไปเอง

          ยิ่งคุณทำอะไรบ่อยมากเท่าไหร่ คุณก็จะเชี่ยวชาญมากขึ้นเท่านั้น เมื่อคุณหัดขี่จักรยานครั้งแรก คุณอาจจะล้มบ่อยครั้ง แต่เมื่อคุณหัดไปเรื่อยๆ จนคุณไม่ล้มแล้ว แล้วคุณก็จะมีความสุขกับการขี่จักรยานในที่สุด นี่คือสิ่งที่คุณสามารถปรับใช้กับในหลายๆ แง่มุมของชีวิตได้ค่ะ

          เมื่อเจอสถานการณ์ที่คุณไม่คุ้นชินหรือไม่สบายใจ เช่นถ้าคุณไม่ชอบกินข้าวคนเดียว ก็ลองไปนั่งกินข้าวคนเดียวสัก 2-3อาทิตย์ดู ในตอนแรกมันอาจจะรู้สึกแปลกและแย่มากๆ คุณจะรู้สึกไม่มั่นใจและเวลาก็ช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน แต่เมื่อเข้าสู่อาทิตย์ที่สาม เรากล้าพูดเลยว่าคุณจะมีความมั่นใจมากขึ้น หรือถ้าคุณกลัวการพูดในที่สาธารณะ ก็ไปพูดในที่สาธารณะดู พูดให้มากๆ จนเลิกกลัวไปเลย และในเวลาไม่นาน คุณก็จะสามารถพรีเซ้นท์งานได้อย่างมั่นใจและสบายๆ

3. อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้น?

          ในหลายๆ ครั้ง อาจจะมีเสียงเล็กๆ ในหัวเราแย้งขึ้นมาว่า “แน่ใจแล้วเหรอ? เราจะทำมันได้จริงเหรอ? ถ้าเกิดว่ามันแป้กล่ะ? ถ้าคนอื่นหัวเราะเยาะล่ะ?” และคำถามอื่นๆ อีกเพียบ

          นั่นคือเหตุผลที่ว่า คำถามอย่าง “อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้?” อาจจะให้มุมมองที่แตกต่างออกไปแล้วทำให้เจ้าเสียงพวกนี้มันหุบปากได้ อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณชวนคนที่คุณแอบชอบไปกินข้าว? เขาอาจจะปฏิเสธ แล้วยังไงล่ะ? โลกแตกมั้ย? ลองถามคำถามนี้กับตัวเองดูเมื่อเกิดความกังวลนะคะ

4. ความสำเร็จที่ผ่านๆ มา

          “ยิ่งคุณจดจำความสำเร็จที่ผ่านมาได้มากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งมีความมั่นใจในการเดินต่อไปข้างหน้าและประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น” – Jack Canfield

          ใจความสำคัญของเทคนิคนี้ก็ตามด้านบนเลยค่ะ การประสบความสำเร็จนั้น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็นับว่าเป็นความสำเร็จที่ควรจดจำและน่ายินดีค่ะ บางครั้งเราอาจจะหลงทางหรือหลงลืมความสำเร็จเล็กๆ ในระหว่างทางที่เรากำลังก้าวเดินไปสู่เป้าหมาย แต่ความสำเร็จแต่ละครั้งที่ผ่านมาก็ควรจะถูกระลึกถึงอยู่บ่อยๆ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงถึงความสามารถที่คุณมีและเพิ่มความมั่นใจให้แก่คุณ

5. เตรียมตัว

          สำหรับเรื่องบางเรื่อง การเตรียมตัวมาล่วงหน้าก็จะช่วยทำให้เจ้าเสียงเล็กๆ ในหัวที่ชอบมาลดทอนความมั่นใจของเราเบาลงไป และจะช่วงป้องกันไม่ให้มันดังขึ้นมาอีกด้วย เตรียมตัวสำหรับการพูดบนเวทีหรือการไปประชุมกับหัวหน้าที่คุณไม่มั่นใจเอาไว้ก่อน จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองอย่างแน่นอน

6. กล่าวขอบคุณสำหรับคำชม

          เวลาที่มีใครชมอะไรคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน อะไรที่คุณทำ อะไรที่คุณพูด หรือบอกว่าวันนี้คุณดูดีมากเลย จะตอบว่าอะไรดีคะ? อย่าตอบแบบนี้เชียวนะ “อ๋อ มันไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก” “เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมได้รางวัล แหะๆ” “เออจริงๆ ก็ไม่น่าจะทำได้หรอก” “มันก็แค่ฟลุกน่ะ” ประโยคพวกนี้มันแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองที่อ่อนแอมาก เพราะคุณไม่เชื่อมันในตัวว่ามากพอที่จะยอมรับคำชมนั้น

          ลองเปลี่ยนวิธีคิดและยอมรับคำชมมากขึ้นอย่างเต็มใจ เมื่อมีคนชม จงเรียนรู้ที่จะขอบคุณพวกเขาอย่างสบายๆ ขอบคุณที่พวกเขาสามารถจดจำความสามารถของคุณได้และสนับสนุนในสิ่งที่คุณทำ มันเป็นภาพสะท้อนของการเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งเมื่อทำซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ มันก็จะเริ่มฝังรากลึกลงไปกลายเป็นความมั่นใจในตัวเองนั่นเองค่ะ

7. แกล้งทำจนกว่าคุณจะทำได้จริงๆ 

          มันมีแนวคิดอยู่สองแบบสำหรับข้อนี้ อย่างแรกก็คือ เชื่อว่าการแกล้งทำอะไรสักอย่างจะเพิ่มความมั่นใจและความสามารถในการทำสิ่งนั้นๆ ได้ แต่มีอีกแนวคิดที่ตรงกันข้ามก็คือ เชื่อว่าการแกล้งทำอะไรที่มันไม่จริงนั้นไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ดังนั้น เราจะแนะนำให้คุณอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 แนวคิดนี้ค่ะ

          คุณลองนึกถึงการแต่งตัวไปสัมภาษณ์งานสิคะ นั่นก็เป็นการแกล้งทำในอีกรูปแบบหนึ่งเหมือนกันนะ คุณแกล้งแต่งตัวดีๆ ไปสัมภาษณ์งาน คุณต้องการงานนั้นๆ คุณเชื่อว่าคุณสามารถทำมันได้ และคุณก็แสดงให้กรรมการสัมภาษณ์เห็นด้วยการแต่งกายของคุณ (ถึงแม้ว่าเข้าไปทำงานแล้วคุณจะไม่ได้แต่งตัวหรือมีแนวคิดในแบบเดียวกับที่ตอบคำถามตอนสัมภาษณ์ก็ตาม)

          อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะไม่สามารถแกล้งเป็นนักร้องมืออาชีพได้ถ้าคุณเคยแต่ร้องเพลงงืมงัมตอนอาบน้ำ แต่ถ้าคุณเป็นนักร้องที่มีความสามารถและประสบการณ์ และกำลังมองหาโอกาสที่ดีขึ้นในการร้องเพลง การเติมนั่นนิด นี่หน่อย มันก็ไม่ผิดอะไรใช่ไหมล่ะคะ บางที พอถึงจุดนั้นคุณอาจจะไม่ต้องแกล้งทำแล้วก็ได้นะ

8. พลังของการย้ำเข้าไปในจิตใต้สำนึก

          เทคนิคข้อนี้คือการใช้ประโยคตอกย้ำแบบง่ายๆ ให้พลังบวก เพื่อจุดมุ่งหมายในการย้ำเตือนข้อความบางอย่างลงไปในจิตใต้สำนึกเรา ซึ่งประโยคพวกนี้จะสร้างความเชื่อว่าเราจะประสบความสำเร็จ และตอกย้ำมันลงไปในจิตใต้สำนึกเราให้เราเชื่อแบบนั้นจริงๆ มันจะส่งสัญญาณไปยังสมองและช่วยให้เราหลุดออกมาจากกรอบความคิดที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับประโยคตอกย้ำพวกนี้ก็คือ มันไม่มีข้อจำกัดว่าคุณจะสร้างประโยคเหล่านี้ขึ้นมาได้กี่ประโยค และแต่ละประโยคก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับการตอกย้ำเรื่องบางเรื่องเข้าไปในใจเรา

          กุญแจสำคัญก็คือ พูดประโยคเหล่านี้บ่อยๆ เพื่อย้ำเตือนให้เราจำได้ ทำให้ประโยคเหล่านี้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นด้วยการยืนหน้ากระจกแล้วพูดกับตัวเอง และนี่ก็คือตัวอย่างของประโยคตอกย้ำค่ะ

  • ฉันมั่นใจในความสามารถที่จะทำอะไรก็ตามที่ฉันตั้งใจจะทำ
  • ฉันค้นพบสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตัวเองเพิ่มขึ้นทุกวัน
  • ฉันชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ และนี่ก็จะทำให้คนอื่นๆ ยอมรับฉันในแบบที่ฉันเป็น
  • ฉันเชื่อในตัวเองอย่างสุดหัวใจ
  • ฉันเชื่อว่าฉันสามารถประสบความสำเร็จในทุกเรื่องที่ฉันต้องการ
  • ฉันมีความสามารถอย่างไม่มีที่สิ้นสุดที่จะเอาชนะความท้าทายที่ผ่านเข้ามา
  • ศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จของฉันนั้นมันไม่มีที่สิ้นสุด
  • ฉันรู้ว่าตัวฉันเองนั้นมีค่า

9. รู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น

          ในโลกที่หมุนอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน บางครั้งเราก็อาจจะหลงทาง หรือไปสนใจกับเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านเข้ามาและสร้างความท้าทายให้กับชีวิตเรา จนลืมที่จะนึกถึงและซาบซึ้งกับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราบ้าง การยินดีกับเรื่องดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรากลายมาเป็นของตาย ที่บางทีเราก็ลืมไปว่าเรื่องพวกนี้แหละที่ทำให้ชีวิตเราสวยงาม

          นิสัยดีๆ อีกอย่างที่คุณควรจะมีก็คือการให้เวลาซาบซึ้งและรู้สึกดีกับเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น ลองเขียนบันทึกความซาบซึ้งด้วยการใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 นาทีก่อนนอน เขียน 3-5 อย่างในชีวิตที่คุณรู้สึกซาบซึ้งหรือรู้สึกดีด้วย พลังของตัวหนังสือนั้นถูกพิสูจน์แล้วว่ามีมากกว่าคำพูดค่ะ สิ่งที่คุณเขียนลงไปไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่หรือว่าซีเรียส เรื่องอย่าง กลิ่นคุ้กกี้ที่พึ่งอบใหม่ อ้อมกอดจากคุณพ่อคุณแม่ หรือเรื่องใหญ่ๆ อย่างการได้เลื่อนขั้น หรือ ได้มีเวลาอ่านหนังสือเป็นชั่วโมงโดยที่ไม่มีใครรบกวน ต่างก็เป็นเรื่องที่เราควรจะยินดีด้วยกันทั้งนั้น และมันก็ไม่มีข้อจำกัดด้วยว่าเราจะยินดีกับเรื่องต่างๆ ได้กี่เรื่อง ดังนั้น ทำให้กลายเป็นนิสัย แล้วมันจะเปลี่ยนทัศนคติในการใช้ชีวิตของคุณอย่างแน่นอน แล้วความมั่นใจของคุณก็จะพุ่งทะลุปรอทไปเลยล่ะ 

          อย่างที่บอกไปข้างบนนะคะ เทคนิคเหล่านี้ต้องมีการฝึกใช้ และทบทวนจนกว่ามันจะเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ แต่มันก็คุ้มนะเวลาที่คุณเห็นตัวเองมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามความมั่นใจไม่ใช่การรู้คำตอบของทุกสิ่งทุกอย่าง แต่คือการพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าโดยที่รู้ว่าเดี๋ยวคำตอบมันก็มาเองนั่นแหละ มันคือการที่รู้ว่าคุณจะสามารถจัดการกับอะไรก็ตามที่เข้ามาได้นั่นเอง
 
ขอบคุณข้อมูลจาก www.workventure.com