ทุกวันนี้มีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เรียกว่า “รวยเร็ว” เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่จะครองสถานภาพธุรกิจ และการสร้างความยั่งยืนให้กับรากฐานชีวิต จำเป็นต้องมีปัจจัยที่ต้องยึดเหนี่ยวอย่างเข้มข้น เพื่อสร้างสถานะ “เถ้าแก่” แบบรวยได้ยาวๆ

1.สร้างความน่าเชื่อถือให้สินค้า/บริการและผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

                อย่าคิดว่าแค่ทำของออกมาขาย ต้นทุนถูกๆ หรือคิดทริคการตลาดโดนๆ เพื่อกระชากกำลังซื้อ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน แต่จงเลือกสร้างสรรค์คุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ดี พร้อมรักษามาตรฐานให้ต่อเนื่อง สิ่งสำคัญผู้ประกอบการต้องมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า และทุกๆ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

2.มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

          เป็นผู้แสวงหาวิธีการใหม่ที่ดีกว่าเดิม นำมาใช้กับการบริหารธุรกิจ หาแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ ปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานอยู่ตลอด กล้าแตกต่างจากตลาดที่มี กล้าใช้วิธีการขายที่ไม่เหมือนใคร กล้าประดิษฐ์ค้นคว้านวัตกรรมและสิ่งแปลกใหม่

3.รู้เขา รู้เรา

          ผู้ประกอบการที่ดีนอกจากมีความสามารถในการทำงานแล้ว ยังต้องสามารถสร้างทัศนคติและแรงจูงใจต่อผู้ร่วมงานให้เข้าใจและเต็มใจปฏิบัติงาน รวมถึงต้องรู้จักโน้มน้าวใจผู้ให้เงินทุน เช่น ธนาคาร ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ให้คล้อยตามและยินดีสนับสนุนทางการเงินและการลงทุนอย่างมีเหตุผล

4.เปิดใจรับฟังและเอาประสบการณ์ในอดีตมาเป็นบทเรียน

          นำสิ่งที่ผ่านมาทั้งดีและไม่ดีมาเป็นบทเรียน  เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีซ้ำอีก ขณะเดียวกันต้องหมั่นยกระดับและปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้มุ่งไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีกว่าเดิม ไม่หยุดคิดหาโซลูชั่นใหม่ๆ แต่ก็ต้องไม่มุทะลุยึดมั่นกับแผนการที่ทำแล้วไม่เกิดผล

5.เป็นผู้นำที่ให้บทบาทของความเป็นเพื่อนและพี่น้อง

          อย่านำเอาประสบการณ์ในยุคบุกเบิกที่คุณต้องลงมือทำงานอย่างหนักมาตัดสินให้ผู้ร่วมงานต้องทำได้แบบคุณ แต่จงเอาใจใส่ผู้ร่วมงาน วางแนวทางการทำงาน พร้อมให้คำแนะนำผู้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง เพื่อสร้างความเต็มใจในการปฏิบัติงาน

6.มีความกระตือรือร้น และไม่หยุดนิ่ง

          ผู้ประกอบการที่ดีต้องหมั่นใฝ่หาความรู้ โดยเฉพาะด้านการตลาด เศรษฐกิจ การเมือง กฎหมาย ทั้งในและต่างประเทศ เพราะข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เท่าทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะมีผลต่อภาพรวมของธุรกิจคุณอีกด้วย

7.สุดท้ายเมื่อมีสถานะการเงินที่ดีขึ้น ต้องรู้จักต่อยอด และเลือกลงทุนในสิ่งที่เป็นPassive Income ให้แก่ตนเองในอนาคต

          ไม่มีอะไรมาการันตีว่าธุรกิจของคุณจะจีรังยั่งยืน การลงทุนเพื่อสร้างรายได้แก่อนาคต จึงเป็นเรื่องจำเป็นของผู้ประกอบการ SME รุ่นใหม่ที่ต้องศึกษาลักษณะการลงทุนแต่ละรูปแบบอย่างเจาะลึกว่าสิ่งไหนเหมาะกับช่วงระยะความมั่งคั่งของตน ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการลงทุนที่เสี่ยงน้อยและได้รับความนิยมสูง คือ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะสามารถอยู่อาศัยได้ ปล่อยเช่าได้ แถมมีมูลค่าเพิ่มตามเวลา ยิ่งถ้าเป็นโครงการที่มีชื่อเสียง มีประวัติการดำเนินธุรกิจมายาวนาน สามารถการันตีเรื่องของ Passive Income ได้เป็นอย่างดี

          ทว่า การเลือกอสังหาฯ ที่ให้ผลตอบแทนดี ต้องพิจารณาจากทำเลที่เหมาะสม และสอดคล้องกับกำลังของผู้ลงทุน เช่น โซนถนนวิภาวดี-รังสิต ที่ปัจจุบันมีมูลค่าต่อตารางวาเฉลี่ย 220,000 บาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ เกิดขึ้นโดยเฉพาะกับโครงการจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทางรางขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟธรรมดา รถไฟฟ้า และรถไฟความเร็วสูงสมบูรณ์

          ขณะเดียวกันควรพิจารณารูปแบบโครงการที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ได้ เช่น การพัฒนาโครงการในแบบ “มิกซ์ยูส” ทั้งเป็นที่อยู่อาศัย และสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันโซนดังกล่าวมีโครงการเด่นๆ อย่าง “ลุมพินี พาร์ค วิภาวดี จตุจักร” ของ LPN ตั้งบน ถ.วิภาวดี ซ.วิภาวดี 3 เนื้อที่ 8 ไร่เศษ เป็นคอนโดมิกซ์ยูส จำนวน 4 อาคาร ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน 2 อาคาร ภายใต้ชื่อ “ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี จตุจักร” รวม 207 ยูนิต และอาคารชุดพักอาศัย 1 อาคาร รวม 736 ยูนิต พร้อมอาคารจอดรถ1 อาคาร

          นอกจากการเลือกทำเลที่ดี และรูปแบบโครงการที่เหมาะสมต่อการลงทุนแล้ว ผู้ประกอบการควรจะตระหนักถึงความสะดวกสบายในการตกแต่งห้องหรือแม้แต่ทำออฟฟิศ ด้วยการเลือกซื้อออฟฟิศที่รับจัดการให้ทุกอย่างแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมให้พนักงานเข้าทำงานได้ทันที  เพราะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้คุณโฟกัสกับธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องวุ่นวายกับเรื่องจุกจิกต่างๆ แม้แต่น้อย

ขอบคุณข้อมูลจาก www.lpn.co.th