ปฎิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังได้รับความนิยมในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมาก แต่จะรุ่งหรือร่วงนอกจากรูปแบบการบริการที่จับกลุ่มลูกค้าได้อยู่หมัดแล้ว การบริหารงานภายในบริษัทก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ยิ่งบริษัทไหนมีผู้บริหารวิสัยทัศน์กว้างไกล ยิ่งเปิดศึกงัดข้อกับคู่แข่งได้ยาวนานเท่านั้น หากเป็นผู้บริหารระดับสูงในประเทศไทยเมื่อก่อนคงเต็มไปด้วยเพศชาย เพราะวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ถูกปลูกฝังว่าเพศชายต้องเป็นช้างเท้าหน้าเสมอทำให้น้อยครั้งนักที่จะมีผู้บริหารเพศหญิงในองค์กร แต่เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป ปัจจุบันเพศหญิงและเพศชายมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ประกอบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยส่วนใหญ่จะทำการตลาดในต่างประเทศด้วย ทาง iPrice จึงทำการศึกษาข้อมูลโดยการวิเคราะห์ความหลากหลายทางเพศของผู้บริหารในร้านค้าอีคอมเมิร์ซไทย ทำให้พบข้อมูลที่น่าสนใจถึง 5 ประเด็นด้วยกัน ดังนี้

เพศชายเป็นผู้บริหารระดับสูงของร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทยมากกว่า

          ผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นไปตามคาดที่เพศชายต้องมีอัตราส่วนมากกกว่าเพศหญิง แต่ที่เหนือความคาดหมายเห็นจะเป็นเปอร์เซ็นความแตกต่างทางเพศที่ไม่ทิ้งห่างกันไหร่ เพศชาย 60% ในขณะที่เพศหญิงมี 40% และอาจด้วยการศึกษาข้อมูลนี้เป็นการเก็บข้อมูลผู้บริหารระดับสูงในร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทย ซึ่งบางร้านก็ไม่ได้เป็นอีคอมเมิร์ซสัญชาติไทยโดยตรง ประกอบกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่มักทำการตลาดในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้ธุรกิจประเภทนี้เลือกคณะผู้บริหารด้วยเกณฑ์การตัดสินแบบใหม่ไม่มีความแตกต่างทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในขณะที่บางประเภทร้านค้าอีคอมเมิร์ซและบางตำแหน่งก็ยังต้องการเพศชายที่มีความชำนาญงานมากกว่าเพศหญิงเข้ามาบริหารอยู่ เช่น ร้านค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ และงานด้านไอที เป็นต้น

ความแตกต่างทางเพศของผู้บริหารระดับต่าง ๆ ในร้านค้าอีคอมเมิร์ซ

          เมื่อนำข้อมูลการวิเคราะห์ความแตกต่างทางเพศของผู้บริหารระดับสูงในร้านค้าอีคอมเมิร์ซไทยมาจำแนกเป็น 3 ระดับ คือ C-Levels, VP และ Head พบว่า ความแตกต่างทางเพศในแต่ละระดับผู้บริหารมีความแตกต่างกันออกไป ดังนี้ ระดับ C-Levels เช่น SVP, Founders, Co-founders, C-Levels และ Managing Directors เป็นต้น มีเปอร์เซ็นความแตกต่างทางเพศอยู่ที่ ชาย 56% หญิง 44% ซึ่งถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกัน ยิ่งช่วยยืนยันว่าประเทศไทยเริ่มมีการเปิดรับวัฒนธรรมและแนวคิดของชาวต่างชาติในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเข้ามามากขึ้น ต่อมาคือระดับ VP ที่เพศหญิงครองตำแหน่ง 1 ต่อ 3 ของข้อมูลทั้งหมด หรือเพศหญิง 34% ต่อเพศชาย 66% สุดท้ายคือระดับ Head ที่ถือเป็นระดับที่เก็บข้อมูลได้มากที่สุด เพราะแผนกและแผนผังการบริหารที่มีแยกย่อยมากมาย  อาทิ Head of department และ Directors เป็นต้น ในส่วนนี้ความแตกต่างทางเพศที่ได้เกือบครึ่งต่อครึ่ง เพศชาย 59% และเพศหญิง 41% และอาจเพราะตำแหน่งผู้บริหารระดับนี้เสมือนเป็นการปูทางสร้างผลงานเพื่อเลื่อนระดับไปสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงอาจทำให้ระดับ Head และ C-Levels มีข้อมูลความแตกต่างทางเพศค่อนข้างใกล้เคียงกัน เนื่องจากถ้าใครได้ตำแหน่งนี้แล้วก็มักจะมีแรงกระตุ้นที่ช่วยผลักดันให้สร้างผลงานเพื่อต่อยอดไปในตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

อัตราเชื้อชาติผู้บริหารระดับสูงของร้านค้าอีคอมเมิร์ซไทย

          สืบเนื่องมาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่มักทำการตลาดในหลาย ๆ ประเทศ ผู้บริหารชาวต่างชาติจึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ด้านแนวคิดการบริหารที่หลากหลาย จากข้อมูลพบว่าในผู้บริหารระดับสูงของร้านค้าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยถูกแบ่งออกเป็นผู้บริหารชาวต่างชาติถึง 33% ถือเป็น 1 ใน 3 ของข้อมูลทั้งหมด ในขณะที่ผู้บริหารชาวไทยมี 67% แม้จะเป็นจำนวนที่มากกว่าถึงสองเท่า แต่ส่วนต่างที่ได้ก็ทำให้คาดเดาได้ว่า ร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทยส่วนใหญ่ก็คำนึงถึงแนวความคิดอันหลากหลายของผู้บริหารแต่ละเชื้อชาติจึงมอบตำแหน่งระดับสูงให้ชาวต่างชาติได้มีโอกาสกุมบังเหียนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเช่นกัน  

ความแตกต่างทางเพศและเชื้อชาติของผู้บริหารระดับสูงในร้านค้าอีคอมเมิร์ซไทย

          หากนำข้อมูลที่ได้มาจำแนกออกเป็นความแตกต่างทางเพศและเชื้อชาติผลลัพธ์ที่ได้คือ ผู้บริหารชาวไทยมีเพศหญิงนั่งเก้าอี้มากกว่าเพศชายที่ 51% ต่อ 49% ในขณะที่ผู้บริหารชาวต่างชาติมีจำนวนเพศชายมากถึง 82% ต่อ 18% จากข้อมูลดังกล่าวยิ่งกล่าวเสริมความน่าจะเป็นที่ว่า เกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารระดับสูงของร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทยจะเน้นเรื่องความสามารถเป็นหลัก โดยคำนึงถึงความแตกต่างทางเพศเป็นส่วนน้อย ยิ่งปัจจุบันมีร้านค้าออนไลน์ที่เน้นให้บริการสินค้าด้านแฟชั่น สุขภาพ และความงามมากขึ้นยิ่งทำให้ผู้บริหารเพศหญิงเป็นที่ต้องการมากขึ้นตามไปด้วย จึงไม่แปลกที่เพศหญิงจะค่อนข้างมีบทบาทในการบริหารร้านค้าอีคอมเมิร์ซในไทย

ความแตกต่างทางเพศของผู้บริหารในร้านค้าอีคอมเมิร์ซแต่ละประเภท

          เมื่อนำข้อมูลที่ได้มาจำแนกออกเป็น 3 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ Fashion, Electronic และ General ยิ่งช่วยเสริมความน่าจะเป็นในเรื่องการเพิ่มขึ้นของร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงอย่างประเภท Fashion ซึ่งทำให้ผู้บริหารระดับสูงต้องการแนวคิดของเพศหญิงที่เป็นเพศเดียวกับกลุ่มเป้าหมาย มีความแตกต่างทางเพศอยู่ที่หญิง 60% ต่อชาย 40% ต่อมาคือร้านค้าอีคอมเมิร์ซประเภท Electronic ที่ย่อมมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นเพศชาย ซึ่งมีสัญชาติญาณความหลงไหลในอุปกรณ์ไอทีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้อัตราส่วนผู้บริหารเพศชายมีจำนวนมากกว่าเพศหญิงถึง 2 ใน 3 หากคิดเป็นเปอร์เซ็นคือ 70% ต่อ 30% สุดท้ายคือร้านค้าอีคอมเมิร์ซทั่วไป หรือ General ที่ยังคงกุมพื้นที่ทางการตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมากที่สุด จากข้อมูลที่ได้พบว่ามีผู้บริหารระดับสูงเป็นเพศชายที่ 61% และเพศหญิง 39% ซึ่งเป็นตัวเลขที่คาดเดาได้ไม่ยากนัก

การเก็บข้อมูล: เก็บข้อมูลโดยการวิเคราะห์ความหลากหลายทางเพศของผู้บริหารจาก 15 ร้านค้าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยที่มีรายชื่ออยู่ใน Map of E-commerce Q1 2018 ของ iPrice ซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะจาก Linkedin. โดย iPrice Group แบ่งกลุ่มผู้บริหารระดับสูงออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่ C-levels, VP และ Head

เขียนและวิเคราะห์โดย ขนิษฐา สาสะกุล iPrice

ขอบคุณข้อมูลจาก ipricethailand.com