7 วิธีคว้างานในฝันมากอด แม้ประสบการณ์ไม่พอ

         เพราะมนุษย์เรามีศักยภาพที่จะเรียนรู้ได้อย่างไม่จำกัด มีหลายคนประสบความสำเร็จในการทำงานทั้งที่ไม่ได้เรียนจบมาสายตรงในด้านนั้น และอีกหลายคนที่เพิ่งมาค้นพบตัวเอง เจอสิ่งที่ชอบ จึง(เพิ่ง)คิดจะเปลี่ยนสายงาน

         ไม่แปลกหากคุณจะเป็นคนหนึ่งในนั้นที่อยากลองพาตัวเองออกจากคอมฟอร์ตโซนไปค้นหาทางเลือกใหม่ เพียงแต่คุณอาจต้องเตรียมใจไว้ก่อนว่า อาจต้องพบกับแบบทดสอบที่หินกว่าคนอื่น เพื่อพิสูจน์ให้ใครต่อใครเห็นว่า ถึงต้นทุนประสบการณ์ในสายงานที่สนใจจะแทบไม่มี แต่คุณมีดีพอที่จะทำให้นายจ้างรู้สึกว่า คุณคู่ควรกับงานนี้!  

         จากนี้ คือ 7 เทคนิคที่มือใหม่คิดเปลี่ยนสายงานต้องรู้ เพื่อพิชิตใจผู้สัมภาษณ์ให้ได้

         1.อย่าฮาร์ดเซลตัวเองมากจนเกินงาม ในห้องสัมภาษณ์คุณก็ไม่ต่างกับเซลขายสินค้า คุณต้องนำเสนอแง่มุมที่น่าสนใจในตัวคุณให้เต็มที่ เพียงแต่ต้องมีลิมิต อย่าทำให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังโฆษณาเกินจริง คุณต้องใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตัวพิชิตใจผู้สัมภาษณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าคุณเป็นน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมจะเรียนรู้ และทำงานอย่างหนักเพื่อไปสู่เป้าหมาย

         2.ใช้เวลาท่องโลกโซเชียลให้น้อยลง คำฮิตติดปากของคนยุคนี้ คือ “ยุ่งมาก” แต่ถ้าไปดูสถิติการใช้เวลาของคนยุคดิจิทัลจะพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว คนเราใช้เวลาในโลกโซเชียลมากถึงวันละ 50 นาที ซึ่งหากนับมาบวกลบคูณหารแล้ว จะพบว่าในแต่ละเดือนเราเสียเวลาไปบนโลกโซเชียลมากกว่า 1 วัน

         

คุณไม่จำเป็นต้องหักดิบด้วยการตัดขาดกับโลกโซเชียล แค่หันมาใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น มาท่องโลกกว้างผ่านอินเตอร์เนตที่เป็นโลกแห่งการเรียนรู้ที่กว้างใหญ่ มีอาหารสมองมากมายให้คุณบริโภค เพื่ออัพเลเวทตัวคุณเองให้มีคุณค่ายิ่งขึ้นดีกว่า

        3.อยากเปลี่ยนชีวิต ต้องลงมือทำ ถ้าอยากเปลี่ยนคุณคนเก่าให้เป็นคุณคนใหม่ให้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่อ่านหรือฟังเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจบ่อยๆ แต่คุณต้องลงมือทำ เพราะไม่มีตำราเล่มไหน หรือ โค้ชที่สามารถพูดเพื่อเปลี่ยนชีวิตคุณได้ ตราบเท่าที่คุณไม่ลงมือเปลี่ยนตัวเอง    

        4.ปล่อยให้ตัวเองล้มบ้าง ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ คุณต้องล้มปล่อยให้ตัวเองล้มดูบ้าง ดูอย่าง คริส ร็อก นักแสดงตลก นักเขียนบท โปรดิวเซอร์โทรทัศน์-ภาพยนตร์และผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ตลอด 1 ปีเต็มที่เขาใช้เวลา 5 วันต่อสัปดาห์เพื่อไปยังคอมเมดี้ คลับเพื่อเล่าเรื่องตลก มีหลายมุขที่ปังหลายเรื่องที่แป็ก เขาจดบันทึกสิ่งที่พบไว้ จนกระทั่งพาตัวเองก้าวสู่อาชีพในฝันได้สำเร็จ เช่นเดียวกับการหางาน ก่อนที่ทุกคนจะอัพเลเวทไปถึงระดับกูรูหรือผู้เชียวชาญพวกเขาต้องเริ่มจากศูนย์ ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ที่เคยมีน้อย หรือ ไม่มีให้เพียงพอ แม้จะล้มบ้าง เจ็บบ้างระหว่างทางก็ไม่ใช่ปัญหา

         5.มีความจริงใจเป็นอาวุธ ในยุคที่พลังของคอนเนกชั่นได้รับการยอมรับว่ามีอยู่จริงๆ สิ่งเดียวที่จะทำให้ความคอนเนกชั่นยิ่งเหนียวแน่นคือ ความจริงใจ ลดความเห็นแก่ตัว อย่ามองหาแต่ผลประโยชน์ ใครจะรู้ว่าคนที่คุณเจอวันนี้ อาจกลายเป็นหุ้นส่วนธุรกิจของคุณในอนาคต

         6.เตรียมตัวให้พร้อมรับการปฏิเสธ อย่าให้การปฏิเสธแค่ไม่กี่ครั้ง มาดับฝันหรือปิดอนาคตของคุณ เพราะบางครั้งการปฏิเสธก็เหมือนบททดสอบความแข็งแกร่ง เป็นหนึ่งในกระบวนการที่กระตุ้นให้คุณกลับไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แม้จะไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าปลายทางจะพาคุณไปสู่จุดหมายที่ต้องการหรือไม่ แต่อย่างน้อยระหว่างทางคุณก็ได้เรียนรู้ และ พาตัวเองไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิม

         7.อย่าทำตัวช่างเลือก ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ในเมื่อคุณรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าประสบการณ์ที่มีกับงานที่ฝันนั้นยังห่างไกล คุณแทบไม่มีอะไรไปต่อรองเพื่อให้ได้งานในฝัน แต่หากมีโอกาสไปแตะบันไดก้าวแรกที่จะพาไปถึงฝัน อย่าทิ้งโอกาสนั้น แต่ควรใช้โอกาสนั้น เป็นเวทีแสดงฝีมือและศักยภาพที่คุณมี เพื่อพาตัวเองก้าวไปข้างหน้าสู่เส้นทางที่ฝัน

ขอบคุณที่มา : www.forbes.com