บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยบริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในกรุงเทพ โดยโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้ชื่อ “แอชตัน” “ไอดีโอ” และ “เอลลิโอ” ในลักษณะมีความทันสมัย เน้นรูปแบบการใช้ชีวิต และเน้นความสะดวกสบาย  โดยโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก

 ประเด็นลงทุนของ Ananda

          ประเด็นที่หนึ่งคือ รายได้ที่เติบโตอย่างชัดเจนในไตรมาสที่สองของปี 2560 บริษัทมีรายได้ถึง 3,600 ล้านบาท

ในไตรมาสที่สองบริษัทมีรายได้ 3,600 ล้านบาท มากกว่าไตรมาสที่แล้วถึง 64%  แสดงให้เห็นว่าในช่วงต้นปีนั้นน่าจะเป็นจุดต่ำสุดของบริษัทแล้วในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากยอดโอนที่อ่อนแอเพราะไม่มีโครงการใหม่สร้างเสร็จ  โดยในไตรมาสที่สองนั้นมีสัดส่วนรายได้หลัก ๆมาจากโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท และมียอดขาย 74% ในปัจจุบัน  โครงการมีการเปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2558 ตั้งอยู่ในช่วงส่วนต่อขยายของ BTS สายแบริ่ง - สมุทรปราการ ซึ่งน่าจะเปิดทำการได้ในภายในไม่เกินสองปี 

            ประเด็นที่สองคือ ยอดโอนและยอดการขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

เป้าหมายยอดโอนของบริษัทในปีนี้ยังปรับขึ้นไปอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท  เป็นตัวเลขที่เติบโตจากปีที่แล้วถึง 58%  โดยเป้านี้ได้รับการการันตีในระดับหนึ่งจากยอด backlog ในปีนี้ที่มีถึง 16,000 ล้านบาท

บริษัทยังมีการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560  ทั้งหมดจำนวน 10 โครงการคิดเป็นมูลค่ามูลค่า 26,200 ล้านบาท และมียอด Presales ล่าสุดจากโครงการต่างๆอยู่ที่ 15,500 ล้านบาทหรือคิดเป็น 50% ของเป้า Presales ในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 31,000 ล้านบาทแล้ว  โดยหลัก ๆจะมาจากยอดขายของ Ashton Asoke และ Ideo Q Siam-Ratchathewi ซึ่งมีกำหนดสร้างเสร็จในปีนี้  และยังเป็นโครงการที่มีทำเลดีมาก เพราะอยู่ใกล้จุดเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมใจกลางกรุงเทพฯอย่างอโศกและราชเทวี

           

ประเด็นที่สามคือ การเปิดโครงการใหม่ในปี 2017 ที่มีถึง 17 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 42,000 ล้านบาท

นอกจากตอนต้นปีที่บริษัทเริ่มมียอดขายที่คาดว่าจะโอนได้ในปีนี้เพิ่มเข้ามาจำนวน 10 โครงการ  ทั้งปี 2017 บริษัทก็ยังเตรียมเปิดโครงการใหม่เชิงรุกมากถึง 17 โครงการ โดยเปิดไปแล้ว 9 โครงการในช่วงครึ่งปีแรกและยังเหลืออีก 8 โครงการในครึ่งปีหลังมูลค่ารวมทั้งปี 42,000 ล้านบาท  เห็นได้ชัดจาก 4 โครงการอย่าง Ideo Q Victory, Ashton Asoke-Rama 9, Ideo New Rama 9 และ Ideo Q Sukhumvit 36 ที่พึ่งเปิดตัวไปในช่วงมิถุนายนที่ผ่านมา นั้นมีกระแสตอบรับล้นหลาม  โดยเฉพาะ Ideo Q Victory ที่มีคนจองเต็มตั้งแต่วันแรกที่เปิดจอง โครงการเหล่านี้คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ภายในปี 2562 ถึง 2563  ซึ่งโครงการเหล่านี้ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอด Backlog มีการเติบโตและเป็นการการันตีรายได้ของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้า

            ประเด็นที่สี่คือ อัตรา Cancellation rate และ Mortgage rejection rate ของคอนโดที่ลดลงในช่วงสามปี

ในช่วงตั้งแต่ปี 2558 นั้นอัตราการยกเลิกการซื้อ และการกู้เงินเพื่อซื้อคอนโดไม่ผ่านนั้นลดลงค่อนข้างมาก  โดยอัตราการยกเลิกการซื้อนั้นจะลดจาก 6% มาเหลือ 2%  ส่วนอัตราการกู้เงินเพื่อซื้อคอนโดไม่ผ่านนั้นจะลดจาก 15% มาเหลือ 7% ในปี 2560

จะเห็นได้ว่าจากการเปิดตัวโครงการต่างที่มีค่อนข้างมากของบริษัท  ทำให้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 ไปจนถึงอีกสองถึงสามปีข้างหน้า  บริษัทมีโอกาสในการเติบโตทางรายได้ค่อนข้างมาก สอดคล้องกับในปัจจุบันราคาหุ้นของบริษัทนั้นก็ยังถือว่าไม่แพงมากเมื่อเปรียบเทียบภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน (P/E 10, P/E เฉลี่ยกลุ่ม 18)  แต่ก็ต้องหวังว่ายอดจองและยอดขายของโครงการต่างที่เปิดตัวใหม่ จะออกมาดีอย่างที่บริษัทได้คาดการณ์ไว้ด้วย

TerraBKK Research มีความเห็นว่าหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์นั้นในปัจจุบันมีลักษณะการรับรู้รายได้เป็นวัฏจักร เพราะมีต้องมีการนำเงินไปลงทุนเพิ่มอยู่ตลอดเวลา  รูปแบบการเติบโตจึงมีความแตกต่างจากธุรกิจประเภทอื่นค่อนข้างชัดเจน  ผู้ลงทุนควรมีการศึกษาข้อมูลของบริษัทในกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ