ในโลกธุรกิจที่แต่ละนาทีมีค่าราวกับทอง โอกาสที่จะได้พบนักธุรกิจระดับบิ๊กไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากมานั่งเสียใจทีหลัง เพราะปล่อยให้โอกาสที่จะสร้างคอนเนกชั่นทางธุรกิจต้องหลุดมือ หรือทำได้เพียงเป็นนักธุรกิจที่ไร้ตัวตนในสายตาคู่สนทนา  หนึ่งในวิชาพื้นฐานที่นักธุรกิจต้องมีไว้ติดตัว คือ วิชา ”มัดใจคู่สนทนา”

                  สำหรับใครที่เคยผิดหวังซ้ำๆ กับหลากหลายวิธีมัดใจและสร้างการจดจำให้คู่สนทนาตั้งแต่แรกพบที่จนอยากเผาตำราทิ้ง รับรองว่าถ้าได้ลอง 5 เทคนิคที่คนที่มีอีคิวสูงใช้ในการพิชิตใจคู่สนทนาให้ได้ภายใน 5 นาทีแล้วคุณอาจจะเปลี่ยนใจ เพราะวิธีง่ายๆ แต่ได้ผลนี้จะทำให้คุณถึงกับต้องอุทานว่า “แบบนี้ก็ได้เหรอ?”

                  1.มีความจริงใจแค่ไหน โชว์ออกมาให้สุด ใครที่คิดจะโลดแล่นในโลกธุรกิจ อาจถูกปลูกฝังให้ต้องระวังตัวทุกฝีก้าว จนบางครั้งเผลอสร้างเกราะล้อมตัวจนกลบเกลื่อนความเป็นธรรมชาติ และ ความจริงใจที่คุณมีไปจนหมดสิ้น หากไม่สังเกตคุณอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า กำแพงที่ล้อมตัวคุณทำให้การแสดงออกของคุณเมื่อแรกพบนั้นดูไม่เป็นมิตรและน่าคบหาเอาซะเลย  

                 

วิธีที่ดีสุดที่คนมีอีคิวทำกัน คือ พยายามวางตัวให้เป็นกลางที่สุด ไม่ทำให้ตัวเองดูเคร่งขรึม จนดูเข้าถึงยากเกินไป แต่ก็ไม่ใช่ลันลา เป็นกันเองเกินเหตุจนขาดความน่าเชื่อถือ แค่ขอให้โชว์ความจริงใจที่มีออกมาให้มากที่สุด ไม่ว่าจะผ่านรอยยิ้มพิมพ์ใจ ท่าทางการยืนที่ดูไม่เกร็ง เว้นระยะห่างระหว่างขาทั้งข้างพอประมาณ และไม่ลืมสบตากับคู่สนทนาอย่างเป็นมิตรตลอดการสนทนา

                  2.เอ่ยคำชมบ้างก็ได้ไม่เสียหาย ถ้าจะจับใจฝ่ายตรงข้ามให้อยู่หมัด คุณต้องฝึกตัวเองให้เป็นคนช่างสังเกต และพยายามจดจำเรื่องราวระหว่างสนทนาให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญเมื่อสบโอกาสที่จะกล่าวคำชื่นชมอีกฝ่ายได้ ต้องทำ อย่าปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือ หรือถ้าบทสนทนาของคุณไม่เอื้อให้ได้เอ่ยปากชมอีกฝ่าย อาจต้องสร้างสถานการณ์ โดยหยิบยกเอาเรื่องราวความสำเร็จที่ผ่านมาของเขามาพูด หรืออาจเอ่ยถามเรื่องราวของอีกฝ่าย เพื่อเก็บข้อมูลของคู่สนทนาให้ได้มากที่สุด  

                  เทคนิคนี้ไม่ได้ส่งเสริมให้คุณเป็นคนขี้ประจบ แต่นี่คือเคล็ดลับคนที่มีอีคิวใช้เป็นประจำ เพราะพวกเขารู้ดีว่าธรรมชาติของคนเราไม่เพียงชอบที่จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง แต่ยังปลื้มสุดๆ ถ้าได้เจอคู่สนทนาที่ รู้จักเอ่ยชม และยกย่องในสิ่งที่เขาทำ

                  3.ตั้งคำถามปลายเปิดให้ได้อย่างน้อย 2 คำถาม หากอยากให้ทุกการสนทนาของคุณลงเอยอย่างแฮปปี้ จากไปแล้วยังเป็นที่จดจำและคิดถึงกัน เทคนิคง่ายๆ ที่ได้ผลเสมอไม่ว่าคุณจะเป็นคนคุยเก่งหรือพูดน้อยคือ ตั้งคำถามปลายเปิดให้เป็น แทนที่จะผูกคอตาย ปิดฉากการตัดสนทนาด้วยการตั้งคำถามว่าใช่หรือไม่ ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณสังเกตว่าคู่สนทนากำลังเอ็นจอยกับการเล่าเรื่องราวบางอย่าง คุณอาจชวนคุยต่อว่า “แล้วคุณทำสิ่งนั้นได้อย่างไร” หรือ “คุณประทับใจอะไรในเหตุการณ์ครั้งนั้นที่สุด” นอกจากจะเป็นการส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้สึกดี เพราะเห็นว่าคุณสนใจในเรื่องราวของเขา ยังช่วยต่อเวลาการสนทนาให้นานขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสที่เขาจะจดจำคุณได้มากขึ้นด้วย

                  4.ชวนคุยในเรื่องที่คุณทั้งคู่สามารถมีส่วนร่วม พฤติกรรมที่เป็นลางบอกเหตุว่าคู่สนทนาเริ่มหลุดโฟกัส คือ เริ่มไม่สบตา ก้มลงสไลด์หน้าจอสมาร์ทโฟนไป-มาอย่างไร้จุดหมาย ส่วนหนึ่งอาจเพราะหัวข้อที่คุณกำลังพูดคุยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่มีส่วนร่วม หรือ ไม่สนใจ เพราะฉะนั้นบทเรียนที่ดีถ้าจะจับใจคู่สนทนา คือ ทุกครั้งที่จะเปิดฉากสนทนา ต้องมั่นใจว่าหัวข้อที่คุยทั้งคู่และคู่สนทนามีความสนใจร่วมกัน เพื่อจะได้ต่อกันติด คุยกันได้ยาว 

   

                  5.อย่ามองข้ามความสำคัญของชื่อคู่สนทนา ต่อให้ชื่อของคู่สนทนานจะจำยาก หรือ เรียกยากแค่ไหน แต่ถ้าคุณสามารถจดจำชื่อของคู่สนทนาที่เพิ่งแรกพบได้ นั่นคือแต้มต่อชั้นดีที่จะทำให้คู่สนทนาเกิดความประทับใจ นอกจากจะฉวยโอกาสทำแต้มนี้ในตอนเอ่ยชื่อเพื่อทักทายแล้ว ระหว่างสนทนาหากมีโอกาสเหมาะจะเอ่ยชื่ออีกฝ่ายเมื่อไหร่อย่าได้พลาด โดยเฉพาะในช่วงก่อนเอ่ยคำอำลา เพราะอาจเป็นหมัดฮุกที่ช่วยให้อีกฝ่ายรู้ว่า คุณใส่ใจและจดจำชื่อของเขาได้จริงๆ 

ขอบคุณที่มา :  www.fastcompany.com

 บทความโดย : TerraBKK คลังความรู้

TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก