TerraBKK Research ได้รวบรวมผลประกอบการกลุ่ม “โรงแรม” ประจำไตรมาส 2 ปี 2559 ย้อนหลังไปจนถึงปี 2555 โดยในกลุ่มนี้มีทั้งหมด 12 บริษัท ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยตัวเลขทางการเงินที่เราได้รวบรวมมา ได้แก่ รายได้ อัตรากำไรสุทธิ อัตราผลตอบแทนจากส่วนของสินทรัพย์ อัตรากำไรต่อหุ้น และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ตัวเลขเหล่านี้จะมีจุดประสงค์ในการบอกถึงสถานการณ์ดำเนินงานที่แตกต่างกัน น่าจะช่วยให้ท่านที่สนใจที่จะติดตามผลการดำเนินงานได้รู้ถึงการเติบโตของแต่ละบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันว่าบริษัทใด สามารถสร้างผลประกอบการได้ดีกว่ากันเมื่อเทียบกับในอดีต สำหรับผลการดำเนินงานปี Q2/2559 มีรายละเอียดดังนี้

ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวเลขการเงินในอดีต ดังนั้นผลประกอบการในอนาคตอาจจะไม่เหมือนกับในอดีตก็ได้เช่นกัน นักลงทุนควรที่จะศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน

จากการสำรวจผลประกอบการกลุ่มโรงแรม เราพบว่า บริษัท CENTEL เป็นบริษัทที่สามารถสร้างผลการดำเนินงานได้โดดเด่นมากที่สุด ทั้งการเติบโตของกำไร รายได้ และศักยภาพในการทำกำไร

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

รายได้ (Revenue) จากการดูแนวโน้มกลุ่มโรงแรมในสภาวะที่ตลาดการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง TerraBKK Research พบว่า บริษัทในกลุ่มโรงแรมประมาณครึ่ง ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้นและอีกครึ่งหนึ่งมีรายได้ลดลง สำหรับไตรมาส 2 ปี 2558 บริษัทที่มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ GREEN (+83,885% Y-o-Y), LRH (+30.45% Y-o-Y), OHTL (+10.53% Y-o-Y), DTC (+8.24% Y-o-Y), CENTEL (+7.66% Y-o-Y) และ ERW (+6.08% Y-o-Y) โดยในกลุ่มนี้มีบริษัทที่รายได้เติบโตต่อเนื่อง 3 ปี คือ LRH, OHTL, DTC และ CENTEL แต่บริษัทที่มีรายได้ลดลงมากที่สุดคือ SHANG

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin : NPM) จากการสำรวจพบว่า หลายบริษัทในกลุ่มโรงแรมมีอัตรากำไรสุทธิลดลงโดยบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 10% ได้แก่ CSR และ CHANG ซึ่ง CSR เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิมากที่สุด เราพบว่าในกลุ่มโรงแรมมีเพียงบริษัทเดียวที่ NPM โตต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 บริษัทนั้นคือ CENTEL ส่วนบริษัทอื่น ๆ ที่เราไม่ได้กล่าวถึงส่วนใหญ่ NPM ลดลงและบางบริษัทขาดทุนต่อเนื่อง

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset : ROA) เป็นอัตราส่วนที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัทยิ่ง ROA มีค่ามากแสดงว่า บริษัทสามารถนำสินทรัพย์ที่ตนเองมีอยู่นำมาสร้างผลตอบแทนได้มาก บริษัทที่มี ROA อยู่ในระดับสูงมากกว่า 10% ได้แก่ ROH และ OHTL ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มของ ROA ดีขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ CENTEL และ ERW

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนจากผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) เป็นตัวชี้วัดถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น ยิ่งตัวเลขมากยิ่งดี บริษัทที่มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนมากกว่า 15% ได้แก่ OHTL และ CENTEL ส่วน ERW และ DTC มีแนวโน้มของศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนดีขึ้น

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

กำไรต่อหุ้น (Earning per Share : EPS) กำไรต่อหุ้นเป็นอัตราส่วนที่บอกถึงผลตอบแทนของกำไรสุทธิต่อหนึ่งหุ้น บริษัทที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิมากก็จะแสดงถึงความสามารถในการรับรู้กำไรต่อหนึ่งหุ้นที่มากขึ้นด้วย ดังนั้นเราจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเป็นหลัก บริษัทที่มีการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ได้แก่ ERW (+200% Y-o-Y) และ CENTEL(+44% Y-o-Y) โดย ERW เป็นปีที่พลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร ส่วน CENTEL มีการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง

(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)

หนี้สินต่อทุน (Debt to Equity) อัตราหนี้สินต่อทุนควรอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการระดมทุนจากส่วนของหนี้สินมาก ๆ จะทำให้มีต้นทุนทางการเงินค่อนข้างมากและมีความเสี่ยงมากกว่า นอกจากนั้นบริษัทที่มีหนี้สินมาก ๆ จะไม่สามารถขอกู้จากสถาบันการเงินได้ ทำให้บริษัทต้องหันมาระดมทุนจากผู้ถือหุ้นผ่านการออกหุ้นเพิ่มทุน ส่งผลให้จำนวนหุ้นมากขึ้น ถ้าบริษัทเอาเงินเพิ่มทุนไปแต่ไม่สามารถสร้างกำไรได้ดีจะส่งผลให้กำไรต่อหุ้นลดลงจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่จะไม่ชอบที่กำไรต่อหุ้นของตนเองลดลงในที่สุดมันจะถูกสะท้อนออกมายังราคาหุ้นที่ลดลง โดย ERW เป็นบริษัทเดียวที่มี D/E Ratio มากกว่า 2 เท่า - เทอร์ร่า บีเคเค

อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช้ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนหักต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน

อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณสูงแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูง

บทความโดย : TerraBKK เคล็ดลับการลงทุน แหล่งข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก