อาคาชุดหรือคอนโดมิเนียม (Condominium) เป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ที่ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ ปัจจุบันประเทศไทยให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในประเทศไทยได้ในสัดส่วนไม่เกิน 49% ของพื้นที่ขายรวมทั้งโครงการ (กรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติไม่เกินกึ่งหนึ่งของพื้นที่ขายทั้งหมด) นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตลาดคอนโดมิเนียมเป็นตลาดที่สามารถเติบโตต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่แล้วจะเป็น ชาวอังกฤษ (14.4%) อเมริกัน (12.1%) สิงค์โปร์ (10.9%) ฮ่องกง (4.5%) ผรั่งเศษ (4.2%) ตามลำดับจากมากไปน้อย เมื่อเรามองลึกลงไปชาวต่างชาติถึง 34% อยู่อาศัยถาวรในประเทศไทยอยู่แล้ว และ 37% เป็นชาวต่างชาติที่มาจากฝั่งเอเชีย และ 28% มาจากผู้ที่มีถิ่นฐานในอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย (ที่มา : ธนาคารอาคารสงเคราะห์, 2553)

โอกาสที่ชาวต่างชาติมองคอนโดมิเนียมในประเทศไทย

ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนและซื้อคอนโดมิเนียมเอาไว้สำหรับอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะย่านศูนย์กลางธุรกิจในกรุงเทพมหานคร (CBD : Central Business District) โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับ Luxury จะขายดีเป็นพิเศษ เพราะเหตุใดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยถึงเป็นตัวเลือกที่นักลงทุนชาวต่างชาติตัดสินใจลงทุน TerraBKK จะพาไปไขข้อข้องใจ ดังต่อไปนี้

  • ราคาคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากราคาคอนโดมิเนียมในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาต่อเนื่อง ทำให้คอนโดมิเนียมในประเทศไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังน้ำท่วมปี 2554 ราคาคอนโดมิเนียมได้ถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจนปัจจุบันปี 2558 โดยปัจจุบันราคาคอนโดมิเนียมระดับ Super Luxury ถีบตัวแพงที่สุดถึง 340,000 บาทต่อตารางเมตร (MahaNakhon Building) เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่แล้วราคาสูงสุดเพียงแค่ประมาณ 230,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น จากราคาคอนโดมิเนียมที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ชาวต่างชาติต่างสนใจและเห็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนจากช่องว่างของราคาที่ยังสามารถขยับขึ้นไปได้อีก
  • (คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

  • ราคาที่อยู่อาศัยของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วถือว่าราคายังค่อนข้างต่ำอยู่ เมื่อนำราคาที่อยู่อาศัยของไทยไปเทียบกับต่างประเทศอย่างฮ่องกง เซี้ยงไฮ้ กวางโจว สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ประเทศถือว่าราคาที่อยู่อาศัยนั้นต่ำกว่าอยู่มากพอสมควร จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ชาวต่างชาติเลือกที่จะลงทุนคอนโดมิเนียมในประเทศไทย
  • ไทยอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าพูดถึงศักยภาพของประเทศไทยบนทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วด้านภูมิศาสตร์แล้วไทยถือว่าไม่เป็นรองประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากไทยอยู่เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อกับหลายๆประเทศทั้ง พม่า ลาว จีน มาเลเซีย กัมพูชา และยิ่งกว่านั้นในอนาคตจะเปิดเป็นพื้นที่เศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ประเทศไทยได้รับทาบทามจากนานาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุน จะเป็นตัวดันให้ชาวต่างชาติต่างไหลเวียนเข้ามาตำต่อธุรกิจมากขึ้นและทำให้อสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยเนื้อหอมตามไปด้วย
  • ผลตอบแทนอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ผลตอบแทนอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 4-7% ถ้านำไปเทียบกับต่างประเทศแล้วไทยก็ถือว่าอยู่ในอันดับที่ดีกว่า สิงคโปร์ ฮ่องกง และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ
  • สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ประเทศไทยมีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ตลอดปี ราคาค่าครองชีพต่ำ มีสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศที่สวยงามทั้งภูเขา ทะเล ผู้คนอัธยาศัยดียิ้มแย้มแจ่มใส มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ให้เดินได้อย่างเต็มที่จนได้รับขนานนามจากชาวต่างชาติว่าไทยคือ “สวรรค์แห่งการช๊อปปิ้ง” อีกทั้งมีการแพทย์ที่มีชื่อเสียงถึงขั้นที่ว่ามีชาวต่างชาติข้ามทวีปเพื่อมารักษาในประเทศ เพราะได้บริการที่ดีแล้วราคาถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อดีต่างๆเหล่านี้จึงทำให้ชาวต่างชาติหลายคนเมื่อถึงวัยเกษียณจึงเลือกที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย
เทคนิคการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแบบไหนถึงจะเหมาะกับชาวต่างชาติ
  • ทำเล (Location) ขั้นแรกต้องเข้าใจก่อนว่าชาวต่างชาติแต่ละเชื่อชาติจะมีแหล่งที่อยู่อาศัยแตกต่างกันไป โดยลักษณะการอยู่อาศัยจะอยู่กันเป็นกลุ่มๆ ดังนั้นเราต้องเลือกทำเลให้ถูกว่าเราจะเลือกลงทุนให้คนกลุ่มไหน เช่น ชาวญี่ปุ่นจะอยู่บริเวณสุขุมวิทตอนกลาง (สุขุมวิทซอย 21-เอกมัย), ชาวยุโรป อเมริกา จะอยู่บริเวณสุขุมวิทตอนต้น เพลินจิต ชิดลม, ชาวตะวันออกกลางจะอยู่บริเวณสุขุมวิทตอนต้น (สุขุมวิทซอย 3-23 หรือเรียกว่า ย่านนานา) ชาวเกาหลีอยู่บริเวณสุขุมวิท 12 (โคเรียน ทาวน์) และชาวจีน จะอยู่บริเวณพระราม9-รัขดาภิเษก สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่
  • ชาวต่างชาติอาศัยอยู่ย่านไหนในกรุงเทพฯ กรุงเทพมหานครยังคงเป็นเมืองที่เป็นที่นิยมสำหรับชาวต่างชาติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเข้ามาท่องเที่ยว พักผ่อน โดยเฉพาะในใจกลางเมือง แหล่งศูนย์กลางธุรกิจอันสำคัญของกรุงเทพฯ ย่อมมีชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำงานในไทย และพักอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก บ้างก็เช่าที่อยู่อาศัยชั่วคราว บ้างก็เข้ามาอยู่แบบถาวร แต่ลักษณะการอยู่อาศัยของของชาวต่างชาตินั้นมักจะอยู่กันรวมกันเป็นพื้นที่ เช่น ย่านนานาส่วนใหญ่จะเป็นแขก หรือหากเป็นย่านสาทรก็จะเป็นชาวยุโรป เน้นกลุ่มชาวต่างชาติที่รายได้สูง เพราะค่าเช่าใน

  • ขนาดพื้นที่ใช้สอย (Usable Area) เมื่อเราเข้าใจทำเลการอยู่อาศัยแต่ของชาวต่างชาติแต่ละกลุ่มแล้ว ขนาดพื้นที่ใช้สอยของแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกันออกไป โดยคอนโดมิเนียมที่เหมาะสำหรับชาวญี่ปุ่น ขนาด 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอยควรจะเริ่มจาก 45 ตารางเมตรขึ้นไป และ 2 ห้องนอนควรเริ่มต้นตั้งแต่ 80 ตารางเมตรขึ้นไป สำหรับชาวยุโรปและชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย (Expat) ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้บริหาร คนกลุ่มนี้ต้องการห้องขนาดใหญ่โปร่งโล่ง สำหรับ 1 ห้องนอนต่ำๆต้องขนาด 55 ตารางเมตรขึ้นไป และสำหรับ 2 ห้องนอนเป็นครอบครัวขนาดต้องเริ่มตั้งแต่ 120 ตารางเมตรขึ้นไป
  • การตกแต่งและคุณภาพของห้อง จะเป็นตัวช่วยเสริมให้การตัดสินใจเลือกห้องของชาวต่างชาติคล่องตัวมากขึ้น การตกแต่งภายใน (Interior Design) ความโปร่งโล่งสบาย ข้าวของใช้จำเป็นภายในห้อง และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในอาคาร ต้องตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เราสนใจ - เทอร์ร่า บีเคเค
  • วิว (View) ถ้าวิวทิวทัศน์ดีในการมองเห็นวิวต่างๆดีไม่ว่าจะเป็น City view, Garden view, Sea view มีผลต่อการช่วยเสริมให้ตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

บทความโดย : TerraBKK ข่าวอสังหาฯ TerraBKK ค้นหาบ้านดี คุ้มค่า ราคาถูก