TerraBKK Research ขอเสนอผลประกอบการกลุ่มโรงพยาบาล (Health Care Service) ย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553-2557 ครบทุกบริษัทมีด้วยกันทั้งหมด 15 บริษัท บริษัทไหนสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น และมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นบริษัทผู้นำในของกลุ่ม ติดตามกันได้มีดังนี้

จากการรวบรวมข้อมูลของ TerraBKK Research มองเห็นว่า VIH (SRIVICHAIVEJVIVAT) หรือ กลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช เป็นโรงพยาบาลที่มีอัตราการเติบโตของผลตอบแทนสูงที่สุดในกลุ่มเมื่อเทียบกันแบบปีต่อปี ส่วนบริษัท BDMS(BANGKOK DUSIT MEDICAL SERVICES) หรือ เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล และบริษัทที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดเห็นจะเป็น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH : BUMRUNGRAD HOSPITAL)

รายได้ (Revenue) กลุ่มโรงพยาบาลส่วนใหญ่รายได้มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยปี 2557 กลุ่มโรงพยาบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกบริษัท ผู้นำกลุ่มโรงพยาบาลที่มีรายได้นำมาเป็นอันดับหนึ่ง คือ โรงพยาบบาลกรุงเทพ (BDMS) รายได้เติบโต 11% อันดับสองโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สำหรับโรงพยาบาลที่รายได้เติบโตมากที่สุดคือ CHULARAT HOSPITAL รายได้เติบโตขึ้น 20% รองลงมาคือ SRIVICHAIVEJVIVAT โตขึ้น 13%

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อัตรากำไรสุทธิของอุตสาหกรรมส่วนใหญ่แล้วจะมากกว่า 10% โดยโรงพยารามคำแหงสามารถสร้างผลกำไรได้สูงที่สุดถึง 26.13% และยังสามารถสร้างกำไรได้มากกว่าปีที่แล้วอีกด้วย รองลงมาคือ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 17.7% และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ 17.16% ตามลำดับ บริษัทที่มีแนวโน้มกำไรเป็นขาขึ้น คือ SRIVICHAIVEJVIVAT3 ปีติดต่อกัน

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตราผลตอบแทนในส่วนของทุน (Return on Equity) ในปี 2557 บางบริษัทเพิ่มขึ้นก็บางบริษัทลดลง บริษัทที่เป็นผู้นำของกลุ่มคือ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) มี ROE เท่ากับ 26.66% รองลงมาคือ โรงพยาบาลสมิตเวช (SVH) เท่ากับ 20.93% ส่วนบริษัทที่มีอัตราการการเพิ่มขึ้นของ ROE มากที่สุดคือและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องคือ THONBURI MEDICAL CENTRE (KDH) เพิ่มขึ้น 59% และSRIVICHAIVEJVIVAT (VIH) เพิ่มขึ้น 46%

อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset) โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) เป็นบริษัทที่สามารถให้ผลตอบแทนกับสินทรัพย์ได้สูงที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาลด้วยกัน รองลงมาเป็นคือ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ตามลำดับ

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

ในกลุ่มโรงพยาบาล มีบริษัท VIH และ NEW ที่มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของ ROE และ ROA มาโดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา แต่บริษัท BH RAM AHC M-CHAI BCH เป็นบริษัทที่มีแนวโน้มผลตอบแทนจากสินทรัพย์และส่วนของทุนลดลงต่อเนื่อง

อัตราหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) ของทุกโรงพยาบาลอยู่ในระดับที่ดีมากส่วนใหญ่แล้วไม่ถึง 1 เท่า มีเพียงบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ที่มีอัตราหนี้สินต่อทุนมากที่สุดเท่ากับ 1.29 แต่ถือว่าอยู่ในระดับปกติ

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อขยาย)

อัตรากำไรสุทธิ จะแสดงถึง ความสามารถในการทำกำไรสุทธิของบริษัท เป็นการวัดความสามารถของบริษัทในการควบคุมรายจ่ายทุกประการทั้งดอกเบี้ยและภาษีเมื่อเทียบกับยอดขาย หากอัตราส่วนนี้มีค่าสูงแสดงว่าบริษัทสามารถเปลี่ยนยอดขายให้เป็นกำไรสุทธิได้มาก

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio) แสดงถึง สัดส่วนของเงินทุนจากการกู้ยืมต่อเงินทุนจากเจ้าของธุรกิจถ้าอัตราส่วนนี้สูงแสดงว่าบริษัทมีการกู้ยืมเงินในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับเงินทุนจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้มีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (Return on Asset:ROA) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมของบริษัท เป็นการวัดความสามารถในการนำสินทรัพย์ทั้งหมดของธุรกิจใช่ในการสร้างยอดขายและควบคุมค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมดสุทธิจากภาษีแต่ก่อนต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่ายสุทธิจากภาษีที่ประหยัดได้) อัตราส่วนที่สูงแสดงว่าบริษัทมีความสามารถสูงในการนำสินทรัพย์ไปสร้างกำไรจากการดำเนินงาน

อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity : ROE) แสดงถึง ระดับผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นการวัดความสามารถในการทำกำไรให้แก่เงินทุนของผู้ถือหุ้น หากค่าที่ได้จากการคำนวณเป็นบวกแสดงว่าผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับเงินปันผลและผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วย