คนทั่วไปใช้กระจกสำหรับสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของตนเอง อย่างน้อยก็ต้องใช้ส่องหน้าก่อนออกจากบ้าน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ นั่นคือหน้าที่ของกระจกที่เราต่างคุ้นเคยกันดี แต่สำหรับหลักฮวงจุ้ยแล้ว กระจกมีความสำคัญมากกว่านั้น มันเป็นศูนย์รวมของความเชื่อและความลี้ลับที่ยากจะอธิบาย

เราอาจเคยได้ยินได้ฟังความเชื่อเกี่ยวกับกระจกมาหลากหลาย และอาจรู้สึกทึ่ง ที่กระจกบานเล็กๆ 1 บาน จะมีผลต่อการใช้ชีวิตและพลังของสถานที่ใดสถานที่หนึ่งได้มากขนาดนั้น ฮวงจุ้ยเกี่ยวกับกระจกที่เชื่อถือสืบทอดกันมามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กระจกเปรียบเสมือนเงาของผู้ส่อง หากกระจกเงาบานที่ใช้เป็นประจำในบ้านแตกโดยไม่ทราบสาเหตุ ถือเป็นลางร้าย ต้องเอาไปทิ้งในที่ลับตา ไม่ให้ใครเห็นและต้องจุดธูปเทียนบูชาเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น และกระจกยังมีความสัมพันธ์กับรูปแบบการใช้ชีวิตและวางผังห้อง เช่น

  • ควรติดกระจกเหนือเตาไฟในห้องครัว เพื่อให้ผู้ที่กำลังประกอบอาหารอยู่ เห็นว่าใครเดินเข้ามาด้านหลังบ้าง
  • ไม่ควรเป็นกระจกที่มองเห็นห้องครัวทั้งหมด เพราะเชื่อว่าจะทำให้บ้านนั้นขาดความมั่นคงทางอาหาร
  • ไม่ควรวางกระจกไว้กลางบ้านและห้องรับแขก เพราะจะสร้างความรู้สึกอึดอัดให้กับเจ้าของบ้านและแขกผู้มาเยือน
  • ไม่ควรวางกระจกสองบานไว้ตรงข้ามกัน เพราะจะทำให้กระแสพลังในบ้านสะท้อนกลับไปกลับมาเกิดความสับสน
  • ไม่ควรวางกระจกไว้ตรงข้ามกับหน้าต่างเพราะแสงสะท้อนอาจรบกวนเพื่อนบ้านที่อยู่ในทิศทางนั้นได้
  • ไม่ควรวางกระจกไว้ที่ปลายเตียงหรือส่องไปที่หัวเตียง เชื่อว่าจะทำให้ไม่สบาย สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง นอนไม่หลับ หมกมุ่นแต่เรื่องเพศ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าเป็นการเรียกวิญญาณให้เข้ามาสิงสู่ในห้องนอน
  • ไม่ควรวางกระจกให้มีมุมสะท้อนประตูบานใดบานหนึ่ง เพราะจะทำให้คนในครอบครัวเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง สุขภาพไม่แข็งแรง และทำให้โชคลาภถูกสะท้อนออกไป
  • กระจกในบ้านควรมีขนาดใหญ่พอจะให้ผู้ส่องเห็นบริเวณศรีษะทั้งหมดของตนได้ เงาในกระจกต้องไม่ขาดไปส่วนใดส่วนหนึ่ง เพราะเชื่อว่าไม่เป็นมงคล
  • กระจกในห้องน้ำควรเป็นกระจกขนาดใหญ่ เพื่อช่วยสะท้อนสิ่งสกปรกออกไปข้างนอก และทำให้ห้องกว้างขึ้น

หากในบ้านหรือในห้องมีการจัดวางกระจกในลักษณะที่เชื่อว่าผิดหลักฮวงจุ้ยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ลองขยับปรับเปลี่ยนมุมดูสักเล็กน้อย อาจทำให้เกิดเรื่องดีๆ ที่คาดไม่ถึงตามมาก็ได้

โดย : TerraBKK.com