เหล่าคนรักรถคงทราบเป็นอย่างดีว่า ปัจจัยของยางรถและอุปกรณ์เสริมเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะยางรถยนต์ที่ต้องสัมผัสกับผิวถนนตลอดเวลา และทำหน้าที่รองรับน้ำหนัก เราจึงต้องเลือกยางรถยนต์ที่ได้รับมาตรฐานด้านความปลอดภัย มาพร้อมการตรวจเช็กยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมกว่าเดิม

cr: freepik.com

 

เจ้าของรถควรรู้! เมื่อไหร่ถึงจะต้องซื้อยางรถยนต์ใหม่ ?

สัญญาณของการเปลี่ยนยาง ไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องเลือกเปลี่ยนตอนไหน ซึ่ง Bridgestone บริษัทยางรถและอุปกรณ์เสริมยอดฮิตของประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาแนะนำว่าควรให้ความสำคัญกับความลึกร่องยางกับสภาพยางเป็นหลัก ดอกยางควรจะต้องมีความลึกขั้นต่ำอย่างน้อย 1.6 มิลลิเมตร และพื้นผิวยางต้องไม่มีความผิดปกติใด ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องสนใจอายุยางมากนัก แต่ถ้าอยากให้ตีเลขกลม ๆ การเปลี่ยนยางชุดใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 3-5 ปี แม้ว่ายางจะใช้งานได้ดีอยู่ แต่หากเกิดความแข็งและเปราะ จะทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนลดลงเป็นอย่างมาก 

เทคนิคการเลือกซื้อยางรถยนต์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน

1. เลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน

สำหรับผู้ที่ใช้งานรถบนถนนเรียบ ควรเลือกดอกยางละเอียด ร่องยางแคบและถี่ เพื่อที่ผิวหน้ายางยึดเกาะถนนได้ดี และมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำ แต่ถ้าประสบการณ์เจอถนนขรุขระค่อนข้างบ่อย ควรเลือกยางที่มีดอกยางขนาดใหญ่และร่องห่าง ช่วยสกัดโคลน หิน และไม่ทำให้ติดตามร่องยาง

2. ขนาดของยางที่เหมาะสม

ทริกเปลี่ยนยางควรเลือกยี่ห้อ รุ่น ขนาดยาง ให้เหมือนกันทั้ง 4 เส้น ที่สำคัญควรเปลี่ยนพร้อมกันทั้ง 4 เส้น ไม่ควรเปลี่ยนทีละคู่ เพราะจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ดีกว่า 

  • รถยนต์ขนาดเล็ก ไม่เกิน 1,500 cc ควรใช้ขนาดยาง 185/60 R15 หรือ 195/55 R15
  • รถยนต์ขนาดกลาง ไม่เกิน 2,000 cc ควรใช้ขนาดยาง 215/50 R17
  • รถกระบะ ดีเซล 2.5-3.0 ลิตร ควรใช้ขนาดยาง 215/65 R16 หรือ 265/60 R18

3. ดอกยาง

  • ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง (Non-directional) ดอกยางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาสวนทางกัน หน้ายางนุ่มเงียบ เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน
  • ดอกยางแบบทิศทางเดียว (Directional) ดอกยางหมุนไปทิศทางเดียวกัน ยึดเกาะพื้นผิวถนนได้ดี มีความเสถียร เหมาะกับการขับขี่ในหน้าฝน
  • ดอกยางแบบไม่สมมาตร (Asymmetric) ดอกยางฝั่งด้านในและฝั่งด้านนอกที่ไม่เหมือนกัน ดอกยางฝั่งในช่วยรีดน้ำได้ดี ในขณะที่ดอกยางฝั่งนอกช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะได้สูง

4. เช็กอายุของยาง

ควรเช็กวันที่ผลิตบนแก้มยาง โดยจะระบุเป็น WW/YY หมายถึงสัปดาห์และปีที่ผลิต หากจำเป็นต้องใช้งานยางมือสอง ควรมีการตรวจภาพยางก่อน

5. เช็กราคาและการรับประกันยางรถยนต์

เพื่อให้ได้ยางรถและอุปกรณ์เสริมที่ดีที่สุด เช็กว่าแต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นอย่างไร เหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่ ดูข้อจำกัดต่าง ๆ พร้อมเช็กการรับประกันยางรถยนต์จากผู้ผลิต กรณีที่ยางเสียหายตามเงื่อนไขต่าง ๆ


วิธีดูแลยางรถยนต์คู่ใจ ให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น

  • หมั่นตรวจสอบความดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง 
  • แนะนำให้คุณสลับตำแหน่งยางบ่อย ๆ จะช่วยให้ยางสึกเท่ากันและดอกยางจะมีอายุการใช้งานนานที่สุด หากไม่สลับยางยางล้อหน้าจะสึกเร็วกว่ายางล้อหลัง 
  • สังเกตสัญญาณต่าง ๆ เช่น ความลึกของดอกยาง
  • ขับขี่อย่างนุ่มนวล ไปจนถึงการเปลี่ยนเกียร์ การเบรค การเร่งเครื่อง และการเข้าโค้ง ควรเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้ยางของคุณสึกหรอเร็วกว่ากำหนด
  • เช็กสภาพถนนในขณะขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นหลุมบ่อ ถนนขรุขระ
  • ตั้งศูนย์ถ่วงล้ออย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ
  • เช็กดอกยางเป็นประจำทุกปี ป้องกันไม่ให้ดอกยางเสื่อมแบบไม่เท่ากัน


เห็นแล้วว่ายางรถและอุปกรณ์เสริมทุกอย่างมีอายุการใช้งานที่จำกัด ต้องมีการเปลี่ยนตามการใช้งาน ซึ่งการเปลี่ยนแต่ละครั้งก็นำมาด้วยค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกการขับขี่ของคุณจะปลอดภัยยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้ใช้งานควรเลือกยางรถยนต์ที่ดีที่สุด และคุ้มค่าต่อการใช้งานให้มากที่สุด หากคุณมีแพลนจะเปลี่ยนยางใหม่ ลองเปรียบเทียบเพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด พร้อมกดสั่งซื้อยางรถและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ให้ถูกกว่าใครที่ Shopee Thailand