นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาฯแนวราบปีนี้ มีการแข่งขันสูง จากพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้บริษัทจะต้องพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ขณะที่กลุ่มคอนโดฯ มองว่าปีนี้ยังคงชะลอตัว และค่อยๆ ฟื้นตัวในระยะ 10 ปีข้างหน้า จากความต้องการที่อยู่อาศัยกลางเมือง ใกล้ที่ทำงาน ส่วนลูกค้าต่างชาติ คาดว่าคงจะมีกลับมาบ้างแต่อาจจะไม่บูมเหมือนอดีต

ขณะที่ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ตัวเลขยอดขายไตรมาสแรกของบริษัทฯ ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอเปิดตัวโครงการใหม่ และการขาดแคลนแรงงานทำให้กระทบงานก่อสร้างส่งมอบบ้านให้ลูกค้าช้าลง โดยสามารถทำยอดขายโครงการอสังหาฯรวม 5,344 ล้านบาท รายได้รวม 5,679 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 639 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% 

ขณะที่กำไรสุทธิของพฤกษา โฮลดิ้ง (รวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลแคร์)  อยู่ที่ 552 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้ในปีนี้  33,000 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ 20,200 ล้านบาท เป็นยอดรับรู้รายได้ในปี 2565 ที่ 18,700 ล้านบาท และจะมีโครงการแนวสูงที่สร้างเสร็จพร้อมทยอยโอนในปีนี้อีก  7 โครงการรวมมูลค่า 15,200 ล้านบาท

โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกเป็นผลมาจากการเพื่อประสิทธิภาพการทำงานอย่างต่อเนื่องด้วยการประหยัดต้นทุนในหลายด้าน ใช้ระบบอัตโนมัติ ระบบวิศวกรรมการก่อสร้างที่ช่วยประหยัดปริมาณใช้ซีเมนต์ จัดวางเส้นทางขนส่งให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนพลังงาน ควบคู่กับเทคโนโลยีบล็อกเชน ระบบจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบ Streamline ทำให้ประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้มากกว่า 460 ล้านบาท หรือ 1.4% ของรายได้

ขณะที่ไตรมาส 2 ปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวม 5,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการประเภททาวน์เฮ้าส์ จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,200 ล้านบาท และโครงการประเภทบ้านเดี่ยวจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท

 

ซึ่งการออกแบบโครงการจะอิงจากแนวคิด Tomorrow. Reimagined. ที่ได้ต่อยอดสู่ “พฤกษา ลิฟวิ่ง โซลูชั่น” ตอกย้ำแนวทางการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพที่อยู่อาศัยตอบโจทย์เทรนด์การอยู่อาศัยใน 3 แกนหลัก ประกอบด้วย เทรนด์สุขภาพ, เทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป และเทรนด์เพื่อความยั่งยืน

 

 

สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ พฤกษามุ่งผสานความร่วมมือระหว่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลแคร์ โดยมีแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed Use ที่จะผสานบริการด้านสุขภาพไว้ในโครงการเดียวกัน รวมถึงมองหาพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาเติมเต็มบริการตอบสนองผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด  ในด้านการลงทุนพฤกษาได้มีการเพิ่มพอร์ตลงทุนที่หลากหลาย  นอกจากการลงทุนในไทยที่ผสานความร่วมมือระหว่างธุรกิจเรียลเอสเตท และโรงพยาบาล ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการศูนย์สุขภาพแห่งแรกในชุมชนพฤกษา ขนาด 50 เตียง ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการพฤกษา อเวนิว บางนา-วงแหวน  ในเดือนสิงหาคมนี้

ขณะเดียวกันได้มีการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ โดยโรงพยาบาลวิมุตร่วมกับ JAS ASSET ก่อตั้งบริษัท Senera Vimut Health Service ทำโครงการ SENERA Senior Wellness บริเวณถนนคู้บอน เป็นศูนย์เมดิคอล ขนาด 5,713 ตร.ม. 4 ชั้น ขนาด 78 เตียง มีแผนเปิดให้บริการในเดือนธันวาคมนี้ นอกจากนี้ยังได้มีการลงทุนทั้งในไทย ออสเตรเลีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยเป็นกลุ่มธุรกิจประเภทนวัตกรรมด้านการพัฒนาความยั่งยืน (ESG Innovation) ระบบความปลอดภัยในโลกดิจิตอล (Digital Securities) และ เฮลท์เทค พร๊อพเทค  ที่รองรับกระแสเทรนด์ที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในอนาคต