ได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์อสังหาฯ เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทยที่ครองใจผู้อยู่อาศัย หนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้แบรนด์อสังหาคุณภาพอย่าง ‘แสนสิริ’ ก้าวเข้ามาเป็นแบรนด์เลิฟ คือ ความกล้าทำอะไรที่แตกต่างเพื่อเข้าถึงใจผู้บริโภค ไปพร้อมกับสร้างแรงกระตุ้นให้กับสังคม โดยยังคงยึดลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง (Customer-Centric)

            เช่นเดียวกับแคมเปญล่าสุดของแสนสิริ "YOU Are Made For Life" ความกล้าอีกขั้นของแบรนด์อสังหาฯ

จากการต่อยอดแนวคิด “YOU-Centric” ขั้นกว่าของ Customer-Centric ให้เป็นมากกว่าการใส่ใจลูกค้า แต่โดยให้ ‘คุณ’ หมายถึงทุกคนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาโครงการและบริการ เพื่อให้ครอบคลุมทุกความหลากหลายและไลฟ์สไตล์

You are made for life ไม่ใช่แคมเปญ​ทางการตลาด​ แต่คือการสร้างความเปลี่ยนแปลง

            ความไม่ธรรมดาของแคมเปญ "YOU Are Made For Life" จากแสนสิริ คือ การมุ่งไปที่การตีความหมายใหม่ของคำว่า ‘YOU’ ที่สื่อความเป็นตัวตนอย่างแท้จริง โดยการหันกลับมามองสังคมโลกยุคใหม่ที่ว่า ‘ โลกปัจจุบันคือโลกแห่งปัจเจกนิยม หรือ Individualism’  เมื่อคนๆ หนึ่งคนสามารถมีได้หลายตัวตน ไม่จำกัดอยู่แค่เพียงเพศสภาพ, กายภาพ, อายุ, ความสนใจ, ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการใช้ชีวิต ทั้งในชีวิตจริงและโลกเสมือนบน Platform Social Media มากมายในยุคดิจิตอล

            นั่นจึงเป็นความท้าทายของแบรนด์ที่ต้องลงลึกถึงตัวตนที่แท้จริงและความต้องการที่แตกต่างของลูกค้าแต่ละคนให้ได้ ซึ่งจากไอเดียนี้จึงเป็นที่มาให้แสนสิริผุดแคมเปญนี้ขึ้น โดยให้ “คุณ” ทุกคนคือศูนย์กลางการพัฒนาโครงการและบริการ โดยไม่ได้มองเป็นแค่แคมเปญทางการตลาด แต่คิดไปไกลถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการย้ำจุดยืนการมองเห็นคุณค่าทุกความเป็นตัวตน เพื่อกระตุ้นให้เกิดจุดเปลี่ยนการพัฒนาสินค้าบริการ

            “แคมเปญนี้ไม่ได้เป็นเพียงแคมเปญการตลาดทั่วไปที่ต้องการสื่อสารกับลูกค้าเพื่อนำเสนอแนวคิด สินค้าและบริการ แต่เป็นแคมเปญที่แสดงพลังของความเท่าเทียมการให้ความเข้าใจและใส่ใจต่อคนรอบข้างหรือแม้แต่พนักงานของเราเอง จุดนี้เป็นจุดที่เราตั้งใจให้เกิดแรงกระเพื่อมในสังคมว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน คิดและรู้สึกอย่างไร คุณ คือ สิ่งสำคัญที่สุด...ในการสร้างสิ่งดีๆ เพราะคุณ คือแรงบันดาลใจที่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของบ้าน” ทศพร กรกิจ Head of Brand Team บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ย้ำเป้าประสงค์ของแคมเปญนี้

            จากทิศทางนี้จะเห็นว่านี่คือการมูฟครั้งใหญ่ของแสนสิริ ที่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์-บริการเท่านั้น แต่ต้องสร้างความเข้าใจให้องค์กร เพื่อให้เข้าถึงและรู้ซึ้งตัวตนของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น ภายใต้คีย์เวิร์คที่ว่าอยากให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงทุกคน (Inclusion) เห็นความหลากหลาย (Diversity) และสร้างความเท่าเทียม (Equality)

จาก Constructing Life, not just Buildings  มาสู่​  Made for life

            ย้อนกลับไปช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การเดินทางของแบรนด์แสนสิริมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อพาแบรนด์ไปสู่ความวาไรตี้และหลากหลายมากขึ้น ตั้งแต่การฉีกกฎเปลี่ยนดีไซน์โลโก้อยู่บ่อยๆ ตามวาระโอกาสพิเศษต่างๆ (อาทิ ต้อนรับ PRIDE MONTH สนับสนุนความเท่าเทียม, การปรับเลโก้มาเป็นโลโก้รับวันเด็ก หรือเปลี่ยนโลโก้สะท้อนความยั่งยืน เป็นต้น) ทั้งหมดนี้ก็สะท้อนให้เห็นความไม่ยึดติดและสร้างความเชื่อมโยงไปยังผู้คนในมิติอื่นๆ

            ก่อนหน้านี้แสนสิริเองมีทิศทางขับเคลื่อนแบรนด์ภายใต้ไอเดีย “Construction life... Not a building” ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่การสร้างบ้าน แต่เหมือนแสนสิริต้องการทำมากกกว่านั้น จึงนำมาสู่การพัฒนาชีวิตในกลยุทธ์ Made for life จากจุดนี้จึงเสมือนเป็นก้าวแรกที่เปิดกว้างให้แสนสิริ มาเริ่มต้นความเป็น You are made for life

            ต้องบอกก่อนว่าการเบนเข็มมาจับกลยุทธ์ลักษณะนี้ ไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นบ่อยนัก ถือเป็นความท้าทายอย่างมากทั้งในเชิงแบรนด์และธุรกิจ เพราะกลยุทธ์แบบนี้ไม่ได้สร้างตัวเลขเชิงรายได้ทันที แต่เป็นงาน Long Term ประหนึ่งงานวิ่งมาราธอนที่กว่าจะเห็นผลต้องใช้เวลานาน 3-5 ปี ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลต้องยกเครดิตให้วิสัยทัศน์ของ เศรษฐา ทวีสิน บอสใหญ่แห่งแสนสิริ ในความกล้าที่จะพิสูจน์การสร้างพัฒนาการของแบรนด์ที่ต้องไปให้ถึง

            “ประเด็นความเท่าเทียม มาจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารของเรา (เศรษฐา ทวีสิน) ถ้าผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญตรงนี้ ทีมงานจะไปต่อไม่ได้ ซึ่งเมื่อเรามุ่งไปที่เรื่องความเท่าเทียม ในสังคมมักพูดถึงมิติ LGBT แต่หากมองกลับมาที่แสนสิริทำ เราเริ่มจากเรื่องเด็กมาก่อน จากการเป็นพาร์ทเนอร์องค์การยูนิเซฟที่มีความร่วมมือกันมากว่า 10 ปี อย่างล่าสุดแสนสิริก็เพิ่งปล่อยหุ้นกู้เพื่อการศึกษา นั่นทำให้เรามองเห็นว่าความเท่าเทียมควรต้องมีในมิติความเป็นปัจเจกอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ อายุ หรือช่องว่างอื่นๆ ในจุดที่แสนสิริทำได้” Head of Brand Team คนเดิมเล่าถึงการตกผลึก ก่อนจะมาเป็นแคมเปญล่าสุดนี้

ก้าวแรกที่  ‘องค์กร’  ก่อนเชื่อมโยงความเท่าเทียมครบทุกเซกเมนต์

            เมื่อตั้งธงให้ ‘You Are made for lifeเป็นมากกว่าแคมเปญการตลาด แต่คือแนวคิดที่เปิดกว้างให้ทุกมิติเกิดความเท่าเทียม แสนสิริจึงเริ่มสื่อสารแนวคิดนี้ ผ่านการสร้างวัฒนธรรมเอ็มพาวเวอร์ในเกิดขึ้นในองค์กร ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างการเปิดโอกาสให้พนักงานและผู้บริหารระดับสูงนั่งทำงานหารือร่วมกันได้ โดยผู้บริหารไม่ได้มีห้องแบ่งหรือมีโต๊ะทำงานไม่ได้ต่างจากพนักงาน

            ก่อนจะค่อยๆ ขยายไปสู่การเดินหน้ากลยุทธ์มัดใจลูกค้า จากการสร้างสะพานเชื่อมไปหาลูกค้า โดย สอดคล้องไปกับ Roadmap การเปิดตัวโครงการ บ้าน คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม ให้ครบทุกเซกเมนต์จากแสนสิริ ในปี 2022 ที่ผ่านมา เพื่อให้ทุกคนมีบ้านได้ตามรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเองอย่างลงตัว

            ยกตัวอย่างการแตกแนวคิดความเท่าเทียม​ ถ่ายทอดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ อย่างโครงการ​ THE BASE และ The MUVE ซึ่งผลิตภัณฑ์สองเซกเมนต์นี้ถือว่าใกล้เคียงกันมาก แต่นั่นเพราะแสนสิริต้องการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน แต่มีความชื่นชอบและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน จึงแตกผลิตภัณฑ์ออกมาสองไลน์

            หรือกรณีของโครงการสิริเพลส (Siri place) ถือเป็นโครงการ Affordable Segmentของแสนสิริที่ต้องการให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ความเป็นผลิตภัณฑ์เซกเมนต์แมส แสนสิริจะเลือกสร้างทาวน์โฮมให้เป็นบล็อคเดียวกันหมดก็ได้ แต่กลับเลือกออกแบบให้แต่ละโครงการของสิริเพลสมีความแตกต่างกัน จนกลายเป็น​ Dream Destinationแต่ละโครงการมีคอนเซ็ปต์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโตเกียว, นิวยอร์ก, ปารีส ภายใต้งานดีไซน์ที่ใส่ใจในรายละเอียดไม่แพ้โครงการระดับบน

            ในแง่คนทำงานนั่นหมายถึงงานหนักขึ้น แต่เพราะแสนสิริเข้าใจดีว่าผู้บริโภคแต่ละคนมีแพสชั่นที่แตกต่างกัน จึงอยากให้ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกแบบที่อยู่อาศัยที่ต้องการให้ได้มากยิ่งขึ้น

            เช่นเดียวกับการพัฒนาเซอร์วิส อย่างการปลดล็อคเงื่อนไขการกู้บ้านให้กับกลุ่ม LGBT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างแสนสิริ & SCB ที่มาของโปรเจคต์นี้เกิดจากการศึกษา Pain Point ผู้ซื้อบ้านในกลุ่ม LGBT ที่ต้องการซื้อบ้านสร้างครอบครัวร่วมกัน แต่ติดอุปสรรคในการกู้ซื้อบ้าน การปลดล็อคของแสนสิรินี้จึงเป็นการเปิดโอกาสสร้างความเท่าเทียมในการเป็นเจ้าของบ้านได้มากขึ้นในคนกลุ่มนี้

            ยกตัวอย่างอีกเซอร์วิสของแสนสิริที่มาตอกย้ำเรื่องความเท่าเทียม นั่นคือการสร้างความปลอดภัย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการหลังการขายที่แสนสิริให้ความสำคัญ หลายคนอาจไม่รู้ว่า ภายใต้แสนสิริไม่ว่าจะเป็นโครงการเซกเมนต์ไหน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะได้รับการฝึกฝนในมาตรฐานเดียวกัน นั่นหมายความลูกบ้านไม่ว่าจะเซกเมนต์จะได้รับการดูแลบนมาตรฐานความปลอดภัยเดียวกัน

ดึง เด็กพิเศษ - ผู้ใช้ภาษามือ - LGBTQ - Body Positivity เป็นตัวแทนถ่ายทอดเรื่องราว YOU

            นอกเหนือจากทิศทางการสร้างองค์กร-ผลิตภัณฑ์-บริการที่จะมาตอบสนองความเป็นYOU แล้ว แคมเปญ “YOU Are Made For Life” ของแสนสิริ ยังบอกเล่าด้วยเรื่องราวของ YOU ในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณาสั้น ผ่านตัวแทนคนทั้ง 5 คน ที่สะท้อนตัวตน บุคลิก และการใช้ชีวิตที่แตกต่าง แต่มีความสุขบนพื้นที่ที่ปลอดภัย ภายในบ้านของแสนสิริ

            ความพิเศษของภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ คือ นับเป็นครั้งแรกในเมืองไทย....ของแบรนด์ไทยกล้าที่จะเปิดกว้างเรื่องความหลากหลายและเท่าเทียมในการสื่อสารทางการตลาด หลังจากที่แบรนด์ดังระดับโลก เช่น GUCCI, Alexander McQueen, H&M ฯลฯ เคยทำมาแล้ว โดยแสนสิริเลือกใช้ ‘ตัวแสดงเป็นคนทั่วไป’ มาถ่ายทอดเรื่องราว 5 มิติ มีทั้งผู้หญิงที่ภูมิใจในเรือนร่างของตนเอง (Body Positivity), เด็กพิเศษ, คู่พ่อลูกสื่อสารกันด้วยภาษามือ รวมไปถึงผู้คนหลากหลายที่พบปะได้ในโลกประจำวัน ซึ่งทุกคนล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของบ้านในมุมมองของแสนสิริ

            เท่านั้นไม่พอแคมเปญ “YOU Are Made For Life” ยังชวนให้ทุกคนเตรียมเพลิดเพลินไปกับการค้นพบตัวตนความเป็น YOU ในตัวของคุณที่แม้แต่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ผ่านInteractive Game ผลงานสุดล้ำจากการ Collaboration ร่วมกับ Deadline Always Exists ในชื่อ “YOUNIVERSE” เพียงคลิก http://you.sansiri.com

นี่เป็นก้าวแรกเพียงไม่กี่อย่างที่แสนสิริเริ่มต้น เพื่อมุ่งไปบนเส้นทางสร้างความเท่าเทียม ในอนาคตเชื่อว่าจะผุดแนวทางใหม่อีกมากมายเพื่อมาย้ำจุดยืนนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น