ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) กล่าวว่า อสังหาฯ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำรวจใน จ.ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม

           โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 64 มีโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เข้าสู่ตลาดน้อย โดยมีเพียง 1,583 หน่วย หรือ ลดลง 24.4% และมีมูลค่ารวม 4,861 ล้านบาท หรือลดลง 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้อุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่มีการขายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวนรวม 13,701 หน่วย หรือลดลง 11.1%  และมีมูลค่ารวม  47,000  ล้านบาท หรือลดลง 12.9%

            มีหน่วยขายได้ใหม่ลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีจำนวนหน่วยประมาณ 2,141 หน่วย หรือ ลดลง 24.9% และมีมูลค่า 6,474 ล้านบาท หรือ ลดลง 30.3% ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายอยู่ในตลาดประมาณ 11,560 หน่วย และมีมูลค่ารวมประมาณ 40,526 ล้านบาท ซึ่งลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยจำนวนหน่วยลดลง 8% และมูลค่าลดลง 9.3% ตามลำดับ

 ในจำนวนดังกล่าวเป็นการลดลงของหน่วยอาคารชุดเหลือขาย 16.2%  ขณะที่หน่วยบ้านจัดสรรเหลือขายลดลง 5.8% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการปรับตัวโดยลดจำนวนของการพัฒนาโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่ลง แต่ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจไปพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเข้ามาสู่ตลาดมากเพิ่มขึ้น

            สำหรับแนวโน้มปี 2565 ศูนย์ข้อมูลฯ คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะเข้าสู่ตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนประมาณ 4,022 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 11,847 ล้านบาท แบ่งเป็น

- โครงการบ้านจัดสรรประมาณ 3,205 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 10,228 ล้านบาท  

- โครงการอาคารชุดประมาณ 817 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 1,619 ล้านบาท

 

โดยคาดว่าในช่วงครึ่งแรกปี 65 ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมียอดขายลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 64 ราว 2.9% และคาดว่าจะลดลงอีก 0.1% ในช่วงครึ่งหลังของปี 65 เพราะในปี 64 คาดว่าสถานการณ์ยอดขายจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก จึงทำให้ในปี 65 อาจจะมียอดขายชะลอตัวลงมาเล็กน้อย  ในขณะที่มูลค่าในครึ่งแรกของปี 65 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2.2% และขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 1% ในช่วงครึ่งหลังปี 65 โดยเป็นผลมาจากการคาดการณ์ภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศไทยสามารถกระจายวัคซีนได้ทั่วถึง ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในระดับที่สูงกว่าปี 2564 และคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.0

            ทั้งนี้ หากพิจารณาในส่วนของหน่วยเหลือขาย ศูนย์ข้อมูลฯ คาดการณ์ว่า ในครึ่งหลังปี 2564 จะมีหน่วยเหลือขายในตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนประมาณ 12,487 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 43,085 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 10,003 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 36,859 ล้านบาท โครงการอาคารชุดประมาณ 2,484 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 6,226 ล้านบาท

            และในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีหน่วยเหลือขายในตลาดจำนวนประมาณ 12,619 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 43,080 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรรประมาณ 9,950 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 36,366 ล้านบาท และโครงการอาคารชุดประมาณ 2,669 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 6,714 ล้านบาท โดยอัตราดูดซับจะเริ่มทรงตัวตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เป็นต้นไป เนื่องจากผู้ประกอบการจะเริ่มเติมหน่วยเปิดขายใหม่เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดีศูนย์ข้อมูลคาดว่าจะเห็นสัญญาณที่ฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป