พัทยา เมืองชั้นนำของประเทศ มหานครไมอามี่ของเมืองไทย และยังเป็น Excitement Tourism Destination เมืองท่องเที่ยวแห่งแสงสีและชายทะเลที่ทั่วโลกต่างรู้จัก ด้วยทำเลที่เดินทางง่าย ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครและสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ทำให้ ‘พัทยา’ เป็นเมืองที่มีการเติบโตเคียงคู่กับกรุงเทพมหานครมาอย่างต่อเนื่อง

            สำหรับศักราชนี้ความโดดเด่นของพัทยา จะไม่ได้เป็นแค่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในสายตาโลกเท่านั้น แต่ด้วยความเจริญของเมือง ทำให้พัทยาได้ถูกวางบทให้เป็นเมืองท่องเที่ยวและการลงทุนในระดับนานาชาติ โดยเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยสามพีระมิดใหญ่ อย่าง ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ในบทความนี้ TerraBKK จะขอนำทุกท่านไปตอกย้ำถึงเหตุผลที่ทำให้น่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า พัทยา จะสามารถก้าวสู่การเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวและการลงทุนระดับนานาชาติได้อย่างแท้จริง

พัทยา มหานครไมอามี่ของไทย

            พัทยา เป็นศูนย์กลางธุรกิจท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ ทำให้พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปการที่มีความเป็นสากล โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาล ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยยืนยันว่าพัทยาเป็นเมืองของชาวไทยชาวต่างชาติที่มีรายได้สูง อาทิ โรงเรียนานาชาติรีเจ้นท์ พัทยา, โรงเรียนนานาชาติรักบี้, โรงเรียนานาชาติอีสเทิร์นซีบอร์ด, โรงเรียนนานาชาติชลบุรี, โรงเรียนนานาชาติธาราพัฒนา, โรงเรียนนานาชาติมูลตรีภักดี, โรงพยาบาลเมืองพัทยา, โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา, โรงพยาบาลพัทยาเมโมเรียล และโรงเพยาบาลพัทยาอินเตอร์ เป็นต้น อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเป็นศูนย์กลางของแหล่งงานในระดับภาคอีกด้วย

            จากความร่วมมือกันอย่างจริงจังตามยุทธศาสตร์ที่จะยกระดับให้เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวและการลงทุนชั้นนำของโลก ศูนย์กลางแห่งภูมิภาคทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การบริหาร สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้การเปลี่ยนแปลงสู่การเป็น World-class Business อีกหนึ่งแห่งของประเทศกลายเป็นภาพที่ไม่ไกลเกินจริง ด้วยการเข้ามาของโครงการต่าง ๆ เหล่านี้

  • แผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก East Economic Corridor : EEC

จังหวัดชลบุรี หนึ่งในจังหวัดยุทธศาสตร์พื้นที่พัฒนาตามแผน EEC ได้ถูกวางบทบาทการพัฒนาในแนวทาง Modern of East ศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวผนวกการแพทย์ และอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีโอกาสขยายตัวสูง ดึงดูดอุตสาหกรรมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ New-Growth Engine ในกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิตอลเข้ามาปักหลักบนพื้นที่กว่า 500 ไร่ในอำเภอศรีราชา ตามแผนโครงการ Digital Park Thailand หรือ EECd ที่คาดว่าจะสามารถสร้างบุคลากรด้านดิจิตอลได้ถึงหนึ่งแสนคนต่อปี

  • แผนการพัฒนาประตูสู่นานาชาติ ท่าเรือ และสนามบิน

ความคืบหน้าล่าสุดของการยกระดับให้ชลบุรีเป็นเมืองระดับโลก ในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาสู่สนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ ด้วยการพัฒนาพื้นที่และสนามบินอู่ตะภาเนื้อที่กว่า 6,500 ไร่ ประกอบไปด้วย อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3, ศูนย์ธุรกิจการค้าและการขนส่งภาคพื้นดิน, ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน, เขตประกอบการค้าเสรีและเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่อง, ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ และศูนย์ฝึกอบรมการบิน มูลค่าการลงทุนกว่า 290,000 ล้านบาท โดยได้ผ่านขั้นตอนของการลงนามสัญญาร่วมทุนที่ทำเนียบรัฐบาลไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ก้าวย่างใหม่ครั้งนี้ ทำให้ศักยภาพของชลบุรีได้ถูกยกระดับสู่การเป็น ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและ Logistic & Aviation และ มหานครการบินภาคตะวันออก ของภูมิภาคเอเชียในปี 2567

  • รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

อีกหนึ่งโครงการแห่งความคาดหวังของคนทั้งประเทศ คือโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา เชื่อมการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ – พัทยา จากเดิมที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 – 2 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น ซึ่งอาจจะใช้เวลาน้อยกว่าการฝ่าฟันการจราจรติดขัดในเมืองกรุงเทพเสียอีก นอกจากการมาของระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพแล้ว บริเวณพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง ยังมีแผนพัฒนาที่ดินโดยรอบสถานี (TOD) ซึ่งเป็นการยกระดับความเป็นเมืองของชลบุรีขึ้นไปอีกขั้น โดยแบ่งโซนการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีครอบคลุมทุกกิจกรรมเมือง ได้แก่ โซนอาคารสำนักงาน, โซนศูนย์กลางธุรกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และการบริการแบบครบวงกร, โซนศูนย์กลางอุตสาหกรรม MICE และโซนที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง ที่ครบครันด้วยแหล่งงาน ระบบขนส่งมวลชน สิ่งอำนวยความสะดวก และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ยกระดับคุณภาพชีวิตของเมืองชลบุรี

  • รถไฟฟ้ารางเบาโมโนเรลเมืองพัทยา

ระบบขนส่งมวลสาธารณะเพื่อการก้าวสู่มหานครแห่งการท่องเที่ยวและการลงทุนระดับนานาชาติอย่างแท้จริง มูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท โดยได้ผ่านขั้นตอนของการศึกษาเพื่อจัดทำแผนที่มีงบประมาณถึง 70 ล้านบาท โดยกำหนดรูปแบบรถไฟฟ้าไว้ 3 เส้นทาง ได้แก่

  • สายสีเขียว ระยะทาง 8 ก.ม. สถานีรถไฟพัทยา - แหลมบาลีฮาย มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท (แผนช่วงระยะกลางช่ วงที่ 1 ปี 2566-2570)
  • สายสีม่วง ระยะทาง 11 ก.ม. วงเวียนปลาลามา - หนองปรือ (แผนช่วงระยะกลาง ช่วงที่ 2 ปี 2571-2575)
  • สายสีแดง (Loop Line) ระยะทาง 2 ก.ม. วิ่งรอบเมืองพัทยาและเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟความเร็วสูง มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท (แผนช่วงระยะยาว ปี 2576-2580)
  • แผนพัฒนาทัศนียภาพขายหาดพัทยา

เพื่อการก้าวสู่เมืองท่องเที่ยวแบบมหานครไมอามี่อย่างสมบูรณ์แบบ ได้มีแผนทัศนียภาพขายหาดพัทยาและชายหาดจอมเทียน ด้วยการปรับปรุงทัศนียภาพ นำเสาไฟฟ้าลงดิน โดยนำร่องเส้นแรกที่ถนนพัทยาเหนือ

ตอกย้ำความเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวและการลงทุนระดับนานาชาติ จากจำนวนนักท่องเที่ยวและ Expat Demand

            ชลบุรี อีกหนึ่งเมืองที่มี Expat ระดับคุณภาพเข้ามาปักหลักทำงานและใช้ชีวิตอยู่ จากข้อมูลของกรมการจัดหางาน พบว่าเมื่อสิ้นปี 2562 มีชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานตามมาตรา 59 ประเภททั่วไป ที่เข้ามาทำงานในตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่าย, ผู้ประกอบอาชีพด้านการสอน และกรรมการผู้จัดการหรือผู้บริหารระดับสูง ในพื้นที่ชลบุรีถึง 9,277 ตำแหน่ง และยังมี Expat ที่เข้ามาตามมาตรา 62 ประเภทส่งเสริมการลงทุนในตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย, ช่างเทคนิค และกรรมการผู้จัดการหรือผู้บริหารระดับสูงอีก 2,880 ตำแหน่ง เป็นรองเพียงแค่ภูเก็ตและกรุงเทพมหานครเท่านั้น

            และด้วยความที่ชลบุรี เป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งแสงสีที่ดึงดูดประชากรโลกให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวกว่า 18 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้ให้กับประเทศถึง 264,000 ล้านบาท โดยชาวต่างชาติ 5 อันดับแรกที่นิยมเข้ามาท่องเที่ยวในชลบุรี คือ ประเทศจีน, รัสเซีย, เกาหลี, อินเดีย และ เยอรมนี ตามลำดับ

            เมื่อเจาะไปถึงข้อมูลการท่องเที่ยว จากสถิติการท่องเที่ยวภายในประเทศ 2561, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็พบว่า ชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในชลบุรีมีการใช้จ่ายเงินกันโดยเฉลี่ยถึง 5,450 บาทต่อคนต่อวัน ระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 3-4 วันต่อคน นอกจากนั้นแล้วยังพบว่าจำนวนสถานพักแรมในชลบุรี มีจำนวนประมาณ 66,500 ห้อง มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 79.56% โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเข้าพักถึง 9.19 ล้านคนต่อปี

 

เจาะคาแร็กเตอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกของทำเลรายโซน

            ถึงแม้พัทยาจะมีภาพจำในลักษณะของการเป็น Excitement Tourism Destination แต่เมื่อดูแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในพัทยาหลายโซนแล้วกลับพบว่า แต่ละโซนของแหล่งท่องเที่ยวมีความหลากหลายและความเฉพาะตัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น โซนแห่งแสงสี, โซนของสิ่งอำนวยความสะดวกแบบในเมือง หรือโซนแห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริงริมทะเล ที่ยังคงมีชายหาดและธรรมชาติที่สวยงาม และมีการจัดการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ รองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวที่แตกต่างกันได้อย่างสมบูรณ์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมพัทยา ถึงได้มีศักยภาพมากพอที่จะเป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยวและการลงทุนระดับนานาชาติได้อย่างแท้จริง

  • วงศ์อมาตย์ ทำเลท่องเที่ยวที่ฉีกภาพจำเดิม ๆ ของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งแสงสีไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเป็นทำเลแห่งโรงแรมระดับ 5 ดาว และคอนโดมิเนียมระดับ High-End ทำให้โซนวงศ์อำมาตย์มีความเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน มีความเป็นส่วนตัวสูง มีกลิ่นอายของความเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยที่มีแหล่งไลฟ์สไตล์ระดับ High-end สำหรับรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงหลากหลายแห่ง ทำให้เป็นที่นิยมในการพักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง
  • พัทยากลาง - พัทยากลางเป็นโซนที่มีความเป็นเมืองอย่างแท้จริง เพราะเป็นโซนเดียวของพัทยาที่เป็นศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมสำหรับเมือง อาทิ Terminal Pattaya, Central Festival Pattaya, Index, King Power เป็นต้น นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยร้านอาหารรองรับนักท่องเที่ยวในทุกระดับ
  • พระตำหนัก แม้ในโซนพระตำหนักจะไม่ได้มีสถานท่องเที่ยว สถานบันเทิง โรงแรม และคอนโดมิเนียมที่หนาแน่นเหมือนทำเลอื่นๆ แต่ทำเลพระตำหนัก ก็นับเป็นทำเลแห่งการพักผ่อนและเงียบสงบที่โดดเด่นด้วยจุดชมวิวที่ครบทั้งภูเขาและทะเล
  • จอมเทียน โซนจอมเทียนนับเป็นโซนท่องเที่ยวยอดนิยมของพัทยา ด้วยการเป็นแหล่งรวมร้านอาหารชื่อดัง โรงแรมระดับ 3-4 ดาว เหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบครอบครัวที่ต้องการมาเที่ยวแบบสบายๆ ไม่ได้เน้นไลฟ์สไตล์แบบแสงสีมากนัก
  • นาจอมเทียน - เป็นอีกโซนที่มีความเงียบสงบสูง แหล่งรวมโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่มีชายหาดส่วนตัว เป็นที่นิยมในการมาท่องเที่ยวสำหรับคู่รักและครอบครัวที่เน้นความสงบและการพักผ่อนอย่างแท้จริง

5 เหตุผลที่ต้องซื้อ/ลงทุนคอนโดพัทยา

  1. เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ

เหตุผลอันดับแรกที่ใครๆมักจะเลือกซื้อ/ลงทุนคอนโดพัทยา เพราะ Location อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ใช้เวลาเดินทางไม่นานเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบาย สามารถใช้ทางมอเตอร์เวย์ หรือหากใครไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็มีบริการรถตู้รับ-ส่งถึงพัทยาได้เลย  “พัทยา” จึงเป็นเมืองที่คนกรุงเทพฯนิยมเดินทางมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดสั้นๆ และหลายคนเมื่อได้มาบ่อยๆก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะซื้อคอนโดมิเนียมซักห้องไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ และด้วยความที่พัทยาไม่ได้ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ทำให้พัทยาก็เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักลงทุนนิยมซื้อคอนโดฯไว้ปล่อยเช่านักท่องเที่ยว เพราะดูแลง่าย ขับมาจากกรุงเทพฯไม่ไกลเหมือนจังหวัดอื่นๆ

  1. อัตราผลตอบแทนของคอนโดพัทยาสูงพอๆกับกรุงเทพฯ

สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยเมื่อคิดจะลงทุน นั่นก็คืออัตราผลตอบแทน จากการเก็บข้อมูลของทีม Terra Reseach พบว่าในพัทยามีค่าเช่าสูงพอๆกับกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินแล้วขายต่อ หรือจะซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า หากเป็นทรัพย์สินระยะยาวแล้วขายต่อจะได้กำไรจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่า (Capital Gain) เฉลี่ย 5-10% ต่อปี แต่หากเป็นการซื้อเพื่อปล่อยเช่า จะได้อัตราผลตอบแทน (Rental Yield) ประมาณ 5.5-7.5% ต่อปี ซึ่งตัวเลขทั้ง 2 ไม่ว่าจะเป็น Capital Gain หรือ Rental Yield ถือว่าสูงกว่าบางทำเลในกรุงเทพฯเสียอีก

  1. “พัทยา” เมือง Holiday สำหรับทุกคน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากพูดถึงพัทยา หลายคนจะนึกถึงแหล่งท่องเที่ยวที่ค่าครองชีพไม่สูงเหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารและค่าที่พักล้วนอยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้ ทำให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถมาได้ทุกวีคเอนด์ แต่เสน่ห์อย่างหนึ่งของพัทยาคือความผสมผสานกันอย่างลงตัวของคนทุก Segment และล่าสุดที่การท่องเที่ยวพัทยาเริ่มเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่พักโรงแรมระดับ High-End โดยเฉพาะกลุ่ม Special Occasion ที่มีอยู่ในตลาดประมาณ 20% ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมความตื่นเต้นเร้าใจในการเดินทาง อาจจะเป็นประสบการณ์ที่แตกต่าง เช่น การแลกไมล์ เพื่อได้ใช้บริการที่เหนือกว่า การรับประทานอาหารแบบสุดพิเศษ เพื่อเพิ่มสีสันในการเดินทาง

  1. สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย

จุดเด่นอีกประการที่ขาดไปไม่ได้เลยนั่นก็คือความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวของพัทยา ที่นอกจากจะเด่นเรื่องทะเลที่สวยงามแล้ว ในพัทยาเองก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายไว้รองรับคนทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หรือการท่องเที่ยวที่เน้นกิจกรรมต่างๆ จุดเช็คอินสวยๆเน้นอวดโซเชียล

  1. เพราะใครๆก็ซื้อคอนโดในชลบุรี-พัทยาด้วยยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่สูงที่สุดในบรรดาจังหวัดท่องเที่ยว

เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว หากจะให้ยืนยันว่าทำไมต้องคอนโดพัทยาถึงน่าซื้อ TerraBKK ขอปิดท้ายด้วยสถิติยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในชลบุรี-พัทยา ที่ถือว่ามียอดโอนฯสูงที่สุดในบรรดาจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดคอนโดมิเนียมในจังหวัดชลบุรี ข้อมูลจากศูนย์อสังหาริมทรัพย์พบว่าในปี 2562 จังหวัดชลบุรีมีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมเป็นมูลค่ากว่า 29,092 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนยูนิตประมาณ 12,725 ยูนิต (ยอดโอนในชลบุรี 90% คือยอดโอนฯที่เกิดขึ้นในพัทยา) เรียกได้ว่าเป็นรองแค่จังหวัดเดียวคือกรุงเทพฯนั่นเอง (ยอดโอนในชลบุรี 90% คือยอดโอนฯที่เกิดขึ้นในพัทยา)

อีกตัวเลขที่น่าสนใจคือ ไม่เพียงแต่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ของคนไทยเท่านั้นที่สูง ตัวเลขยอดโอนกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ข้อมูลจากศูนย์อสังหาริมทรัพย์พบว่าในปี 2562 จังหวัดชลบุรียังคงมียอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมจากชาวต่างชาติสูงที่สุดเมื่อเทียบกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วยมูลค่ากว่า 12,202 ล้านบาท เป็นจำนวน 4,740 ยูนิต โดยชาติที่มาซื้อคอนโดฯ ในชลบุรีมากที่สุดคือจีนเป็นสัดส่วน 43%  รองลงมาคือรัสเซีย, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ตามลำดับ

อัพเดทราคาคอนโดพัทยา

            สำหรับราคาคอนโดพัทยา ซึ่งมีราคาแตกต่างกันออกไปในแต่ละโซน โดยเฉลี่ยทั้งพัทยาจะมีราคาเฉลี่ยประมาณตารางเมตรละ 90,000-150,000 บาท ทั้งนี้ Terra Research ได้อัพเดทราคาคอนโดมิเนียมที่ยังเปิดขายอยู่ในแต่ละโซน ดังนี้

โซนวงศ์อมาตย์ ซึ่งเป็นโซนที่ราคาคอนโดมิเนียมสูงที่สุด เต็มไปด้วยคอนโดมิเนียมระดับ Luxury และโรงแรม 5 ดาวเป็นหลัก เป็นโซนที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน มีราคาคอนโดมิเนียมประมาณตารางเมตรละ 150,000-200,000 บาท และเป็นเพียงโซนเดียวที่สามารถปล่อยเช่าได้เกินตารางเมตรละ 600 บาทต่อเดือน โดยมีค่าเช่าเฉลี่ยประมาณตารางเมตรละ 500-650 บาทต่อเดือน

โซนพัทยากลาง ถือว่าเป็นโซนที่โดดเด่นในเรื่องแสงสียามค่ำคื่นของพัทยาก็ว่าได้ เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Central Festival Pattaya, Index, King Power ทำให้โซนนี้เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ปัจจุบันเหลือโครงการเปิดขายเพียงไม่กี่โครงการ โดยมีราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยประมาณตารางเมตรละ 100,000-120,000 บาท มีค่าเช่าประมาณตารางเมตรละ 480-550 บาทต่อเดือน

โซนพระตำหนัก เป็นโซนที่มีจุดชมวิวสวยที่สุดและสูงที่สุดในพัทยา มุมโค้งบนเขาที่พิเศษ และเป็นมุมสูงแห่งเดียวที่สามารถชมวิวทั่วทั้งพัทยาได้ 360 องศา โซนนี้ก็เป็นอีกโซนหนึ่งที่เงียบสงบ ไม่ค่อยมีแหล่งสถานบันเทิงมากนัก โดยมีราคาคอนโดมิเนียมประมาณตารางเมตรละ 90,000-140,000 บาท และมีค่าเช่าประมาณตารางเมตรละ 400-450 บาทต่อเดือน

โซนจอมเทียน ขึ้นชื่อในเรื่องร้านอาหารเจ้าเด็ดเจ้าดังของพัทยา และบรรยากาศที่เงียบสงบ จุดเด่นที่ชายหาดยาวกว่า 6 กิโลเมตร มีถนนร่มรื่นไปตลอดทาง เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อนริมทะเล โดยมีราคาคอนโดมิเนียมประมาณตารางเมตรละ 120,000-130,000 บาท และมีค่าเช่าประมาณตารางเมตรละ 380-450 บาทต่อเดือน

โซนนาจอมเทียน เป็นโซนที่อยู่ปลายสุดของพัทยาต่อจากนาจอมเทียน ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวมากนัก แต่ใครที่มานาจอมเทียนมักจะเห็นนักท่องเที่ยวเล่นกีฬาทางน้ำ เพราะคลื่นลมของที่นี่เหมาะกับการเล่นกีฬาทางน้ำ โดยโซนนี้มีราคาคอนโดมิเนียมประมาณตารางเมตรละ 100,000-130,000 บาท และมีค่าเช่าประมาณตารางเมตรละ 420-500 บาทต่อเดือน

ทั้งนี้จะเห็นว่าราคาของคอนโดพัทยาแตกต่างกันออกไปตามคาแรคเตอร์ของโซนนั้นๆ ซึ่งในแต่ละปีก็มีโครงการเปิดใหม่ไม่มากนัก ล่าสุดที่เพิ่งมีข่าวเปิดตัวไปไม่นานกับโครงการ AROM Wongamat ตั้งอยู่หาดวงศ์อมาตย์ที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับ Super Luxury โดยมีราคาเริ่มต้น 6.2 ล้านบาท หากใครกำลังหาคอนโดตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ คอนโดพัทยาก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจตาม 5 ข้อที่ได้กล่าวมา เพราะหากไม่ได้อยู่เองตลอดก็ยังสามารถปล่อยเช่าได้ “ พัทยา ” จึงเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพทั้งในด้านทำเลและการลงทุน