แสนสิริ ย้ำจุดยืน “ แบรนด์ที่เข้าถึงทุกคน ” 

วางหมากสำคัญรุกแนวราบด้วยบ้านและทาวน์โฮม “ อณาสิริ ” ราคา 2 – 6 ล้านบาท

ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัยแบบ Feel Just Right “ความพอดีที่ลงตัว” 

ล่าสุดโกยยอดขายแนวราบแล้ว 15,400 ล้านบาท ขยับใกล้เป้าหมาย 19,000 ล้านบาท

 

  • แสนสิริเผย 7 เดือน มียอดขายรวมแล้ว 24,000 ล้านบาท คิดเป็น 70% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี  35,000 ล้านบาท โกยยอดขายจากแนวราบถึง 15,400 ล้านบาท หรือ 64% จากยอดขายล่าสุด

 

  • สร้างผลงานแนวราบจากการปิดการขาย 13 โครงการ ที่พัฒนาโครงการจาก Sansiri Housing Evolution 

 

  • ตอกย้ำจุดยืน “แบรนด์ที่เข้าถึงทุกคน” ภายใต้แนวคิด Made For Life เดินเกมรุกแนวราบด้วย
    แบรนด์ “อณาสิริบ้านและทาวน์โฮมราคา 2 – 6 ล้านบาท ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัย
    แบบ Feel Just Right “ความพอดีที่ลงตัว” เปิด 5 โครงการปี 63 มูลค่ารวม 5,600 ล้านบาท
    มั่นใจ อณาสิริ จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์แนวราบที่ประสบความสำเร็จและแข็งแกร่งในการเติมเต็ม
    ความต้องการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกความต้องการได้ในอนาคต

 

  • ขยับใกล้เป้าแนวราบ 19,000 ล้านบาท ด้วยยอดขายที่ต้องทำอีกเพียง 3,600 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่เป้าหมายผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮม 

 

นายอาณัติ  กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  การดำเนินธุรกิจในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา จากการเดินเกมส์เร็วนำหน้าคู่แข่ง กลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งด้วยโปรโมชั่นตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า นอกจากนี้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ยังทำให้แสนสิริต้องเร่งการขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ให้เร็วกว่าแผนเดิม เพื่อแข่งขันกับสภาพตลาด (Speed to Market) รวมถึงการบริหารเงินสดที่ดี (Cash is King) สู่การเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง ส่งผลให้มียอดขายและยอดโอนถล่มทลายในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทยังสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 24,000 ล้านบาท คิดเป็น 70% จากเป้าหมายยอดพรีเซลที่วางไว้ 35,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบสูงถึง 15,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64% ของยอดพรีเซลในรอบ 7 เดือน ผลจากการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด Sansiri Housing Evolution ที่สามารถตอบรับความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกบ้านได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งผลให้สามารถปิดการขายโครงการแนวราบไปได้ถึง 13 โครงการ

อู้ พหลโยธิน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อก้าวสู่
ผู้นำตลาดแนวราบด้วยเป้าหมายการเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มบ้านเดี่ยว และTop 3 ในกลุ่มทาวน์โฮม แสนสิริจึงมุ่งมั่นพัฒนาแบรนด์และโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “Made for Life เพื่อชีวิตดีดี ของทุกคน” ซึ่งเป็นแนวคิดที่แบรนด์แสนสิริมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยไปพร้อมกับการมอบไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้า และเข้าถึงทุกคน รับความต้องการที่หลากหลาย แสนสิริจึงรุกพัฒนาแบรนด์ “อณาสิริ” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและรองรับความต้องการรองรับความต้องการของตลาดลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังเริ่มสร้างครอบครัว ซึ่งนับเป็นกลุ่มใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยจุดเด่นของอณาสิริ เป็นโครงการแนวราบในสังคมคุณภาพ ที่ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม (Mixed Product) ราคา 2 – 6 ล้านบาท ในโครงการเดียวกัน ภายใต้แนวคิด “Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัว” บ้านและทาวน์โฮมที่ถูกคิดอย่างเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันที่มองหาความพอดีในทุกด้านของชีวิต ต้องการบาลานซ์ระหว่างชีวิตทำงาน และชีวิตครอบครัว ซึ่งความพอดีลงตัวอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละคน แต่อณาสิริก็พร้อมรองรับด้วยพื้นที่ภายในบ้านและฟังก์ชันที่คิดมาเพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัวในทุกๆ วัน ซึ่งแนวคิดความพอดีที่ลงตัวของอณาสิริ ถูกสะท้อนออกมาเป็นความพอดีใน 5 มุมการใช้ชีวิต คือ Love / Work / Eat / Play / Live พร้อมผนวกแนวความคิดเรื่อง Sansiri Housing Evolution ทำให้ดีไซน์ฟังก์ชั่นสามารถ
ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้อย่างพอดี ได้แก่  

  • Love Just Right การดีไซน์พื้นที่ใช้สอยเพื่อแบ่งปันความสุขให้กันและกันในครอบครัวด้วย
    Connecting Space ที่เชื่อมต่อห้องครัว ห้องทานอาหาร และห้องนั่งเล่น ให้คุณสามารถ
    ทำกิจกรรมในพื้นที่ส่วนกลางของบ้านได้พร้อมๆ กัน 
  • Work Just Right ดีไซน์พื้นที่การทำงานเพื่อรองรับ Work From Home ผ่านการสร้างมุมสำหรับทำงานเพื่อเปิดรับไอเดียดีๆ และปลุกแรงบันดาลใจ อาทิ Bay Window ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นมุมพักผ่อน นั่งอ่านหนังสือ หรือเป็นมุมทำงาน และ ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง ขนาดใหญ่ สามารถดัดแปลงเพื่อรองรับการใช้งาน ตามความต้องการทั้งห้องทำงานหรือห้องสำหรับผู้สูงอายุ เป็นต้น
  • Eat Just Right นับเป็นโครงการแรกที่ต่อยอด Sansiri Backyard ในพื้นที่ส่วนกลางสู่ แนวคิด “Eat-Able Garden” สวนผักทานได้ ปลูกง่ายในบ้าน ที่คัดสรรพันธุ์ไม้ผล และพืชผักสมุนไพร
    เข้ามาปลูกในบริเวณบ้านของลูกค้าแต่ละหลัง
  • Play Just Right ออกแบบพื้นที่ทั้งในบ้าน และพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน อาทิ “Educational Playground” ที่พัฒนาและออกแบบร่วมกับ PlanToys และโรงพยาบาลสมิติเวช โดดเด่นด้วยความพิเศษของเครื่องเล่นเสริมทักษะสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ที่สนุก ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังมี คลับเฮาส์และสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ พร้อม Jogging Track
  • Live Just Right แสนสิริมอบความอุ่นใจให้กับคุณภาพชีวิตด้วย Dust-Free House
    บ้านปลอดฝุ่น ที่ใส่ใจสุขภาพของทุกคนในครอบครัวตามแนวคิดการเป็น “Healthy Home” และระบบรักษาความปลอดภัย Sansiri Security System การผสานบุคลากรที่มีศักยภาพกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะ LIV-24 เทคโนโลยีสังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัยและบริหารจัดการระบบวิศวกรรมโครงการที่คอยสอดส่องความผิดปกติ ดูแลความปลอดภัย พร้อมแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและระบบดูแลงานบริหารอาคารผ่าน IoT

 

นายอาณัติ กล่าวเสริมว่า “สำหรับครึ่งปีหลังนี้ แสนสิริ เตรียมรุกตลาดแนวราบเพิ่มมากขึ้น โดยมีแผน
เปิด 10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 11,700 ล้านบาท ซึ่งได้นำแนวคิด Sansiri Housing Evaluation มาเป็นพื้นฐานในการพัฒนา พร้อมทั้งนำเสนอแนวคิดการสร้าง “Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัว” ผ่านแบรนด์ อณาสิริ คีย์แบรนด์หลักในการเดินเกมรุกตลาดแนวราบ ด้วยโครงการคุณภาพที่รวมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมไว้ด้วยกัน หรือที่เรียกว่า Mixed Product ราคาเริ่มต้นที่ 2 - 6 ล้านบาท ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยความโดดเด่นของการแบ่งคลัสเตอร์แอเรียที่ชัดเจน มีการแบ่งพื้นที่ภายในโครงการได้อย่างเหมาะสม จนเกิดสังคมคุณภาพที่รายล้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและคลับเฮาส์ขนาดใหญ่ เพื่อรองรับคอมมูนิตี้ได้อย่างพอดี โดยแบรนด์ อณาสิริ ภายใต้คอนเซปต์ “Feel Just Right ความพอดีที่ลงตัว” จะเปิดทั้งหมด 5 โครงการในปีนี้ ได้แก่ โครงการ อณาสิริ ป่าคลอก – ภูเก็ต | อณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน | อณาสิริ กรุงเทพฯ – ปทุมธานี | อณาสิริ รังสิต – คลองสอง และอณาสิริ บางนา มูลค่าโครงการรวม 5,600 ล้านบาท” 

 

โดยต้นปีที่ผ่านมา แสนสิริ ได้เปิดขายโครงการอณาสิริ ป่าคลอก – ภูเก็ต แบบ Pre-launch ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยยอดจองสูงถึงกว่า 50% ในเฟสแรก เป็นเพราะโครงการสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่ได้อย่างลงตัว ทั้งเรื่องดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ European Cottage, ฟังก์ชันที่ออกแบบด้วยความเข้าใจไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ และที่ตั้งโครงการอยู่ในทำเลศักยภาพใหม่ของจังหวัดภูเก็ต ใกล้ศูนย์การค้าโรบินสัน แห่งใหม่ นอกจากนั้น ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ยังได้เตรียมเปิดแบรนด์อณาสิริ 4 โครงการใหม่ในพื้นที่ศักยภาพของกรุงเทพฯ โดยโครงการที่จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม ได้แก่ โครงการอณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด จำนวน 308 ยูนิต ตั้งอยู่ใกล้ถนนสายสำคัญหลายสาย รถไฟฟ้าสายสีม่วงและศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต และ โครงการอณาสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด จำนวน 272 ยูนิต ตั้งอยู่ในสนามกอลฟ์ชวนชื่น ฟลอร่า วิลล์ เดินทางสะดวกใกล้ทางด่วนศรีสมาน ซึ่งทั้งสองโครงการมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยดีไซน์ Facade บนแนวคิดที่เรียบง่าย ใช้สีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ พื้นที่ส่วนกลางที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง สวนส่วนกลาง, คลับเฮาส์ขนาดใหญ่, ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ สระว่ายน้ำระบบเกลือพร้อมสระเด็ก, สนามเด็กเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการ ที่พัฒนาร่วมกับ PlanToys และโรงพยาบาลสมิติเวช, Backyard ในพื้นที่ส่วนกลาง ในคอนเซปต์ Eat-Able Garden และ Jogging Track ลู่วิ่งยาวกว่า 300 เมตร เป็นต้น 

นอกจากนี้ ทุกโครงการมาพร้อม Sansiri Service อาทิ Sansiri Sale Representative การให้คำแนะนำ ดูแลอย่างมืออาชีพตั้งแต่วันแรกเพื่อให้ลูกค้าได้บ้านที่เหมาะกับการใช้ชีวิตมากที่สุด, Sansiri Home Financial Planner ดูแลให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำเรื่องการกู้บ้าน เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของ บ้านอณาสิริได้ง่ายๆ, Sansiri Family บริการและสิทธิพิเศษมากมายเฉพาะลูกบ้านแสนสิริ, Sansiri Innovation สร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายในทุกๆ ด้าน และ Home Care โปรแกรม
การดูแลและบำรุงรักษาบ้านโดยช่างผู้เชี่ยวชาญในระยะประกัน

 

บริษัทคาดว่า อณาสิริ จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์โครงการแนวราบที่ประสบความสำเร็จและแข็งแกร่งในการเติมเต็มความต้องการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมทุกความต้องการได้ในอนาคต รวมทั้ง อณาสิริ ทั้ง 5 โครงการ จะสร้างวิถีชีวิตการอยู่อาศัย ในรูปแบบ ความพอดีที่ลงตัว และเป็นหมากสำคัญในการรุกตลาดแนวราบ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มบ้านเดี่ยว และ Top 3 กลุ่มทาวน์โฮมในปี 2564 ซึ่งหากดูจากเป้าหมายยอดขายโครงการแนวราบของปีที่ตั้งเป้าหมายไว้ในปีนี้  19,000 ล้านบาท จะเหลือยอดพรีเซลที่ต้องทำให้ได้ตามเป้าอีกเพียง 3,600 ล้านบาท ดังนั้นด้วยปัจจัยสนับสนุนจากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกลยุทธ์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเรียลดีมานต์ ทำให้เชื่อมั่นว่า บริษัทจะสามารถสร้างยอดขายและยอดโอนโครงการแนวราบได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” คุณอาณัติกล่าว