เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. โดย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. ได้แถลงข่าวการประชุมศบค.ชุดเล็กนัดพิเศษ กรณีพบทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดระยอง ที่ประชุมมติเห็นชอบ 3 ประการ ดังนี้

1.ศบค. จะดำเนินการทบทวนการผ่อนคลายมาตรการกักกันของบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะ คู่สมรส บิดามารดา หรือ บุตรของบุคคลดังกล่าว

2.ให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ที่ได้อนุญาตไปแล้ว จำนวน 8 เที่ยวบิน (17-20 กรกฎาคม และ 25-29 กรกฎาคม 2563)

3.ให้ชะลอการอนุญาตการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแบบผ่อนคลายมาตรการ State Quarantine ตามข้อกำหนดฉบับที่ 12 (2) , (3) , (11) ไปก่อน และมีการทบทวนมาตรการการควบคุมให้มีความรัดกุมรอบคอบจึงให้มีการดำเนินการต่อไป

“เราขอใช้เวลานี้ทบทวนระบบทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะรับคนต่างชาติเข้ามา และเราจะดูให้ละเอียดให้มากกว่าดี ให้รอบคอบกว่านี้”

       สำหรับข้อกำหนดฉบับที่ 12 (2) คือ ผู้มีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนด อนุญาต หรือ เชิญให้เข้ามาในราชอาณาจักรได้ตามความจำเป็น โดยอาจกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาก็ได้

       (3) บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล องค์การระหว่างประเทศ หรือ ผู้แทนรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศซึ่งมาปฏิบัติงานในประเทศไทย หรือ บุคคลในหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นตามที่กระทรวงต่างประเทศอนุญาตตามความจำเป็น ตลอดจนคู่สมรส บิดามารดา หรือ บุตรของบุคคลดังกล่าว

       และ (11) ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษ (Special arrangement) หรือ กลุ่มนักธุรกิจที่จะเดินทางเข้ามาในระยะสั้น

 

       สำหรับข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน พบว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย มาจากประเทศอียิปต์ 6 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ รวมมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 3,227  ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมมีผู้เสียชีวิตสะสมเท่าเดิมคือ 58 ราย หายป่วยแล้ว 3,091 ราย ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 78 ราย

 

 

ประยุทธ์” ประธาน ศบค. ขอรับผิดชอบทหารอียิปต์ติดโควิด สั่งเข้มทุกเที่ยวบิน

        ในวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ระยอง ว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย เพราะเป็นเรื่องไม่เคารพกติกา ไม่มีวินัย ไม่คิดถึงส่วนรวม โทษกันไปกันมา ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ต้องขอรับผิดชอบส่วนตรงนี้ด้วย แต่สำคัญที่สุดต้องหาวิธีปิดจุดหละหลวมต่าง ๆ เหล่านี้ให้ได้

"วันนี้ได้ส่งทีมลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลเชิงลึกแล้ว และตรวจหาพื้นที่สัมผัส หาผู้อยู่ช่วงเวลาดังกล่าวในการลงทะเบียนเข้าออกตามแพลตฟอร์มไทยชนะด้วย นอกจากนี้ ยังมีการตรวจเชื้อเพิ่มเติมให้กับบุคคลที่สัมผัสและคนที่กังวลว่าอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย เพื่อให้ทุกคนมีความสบายใจมากที่สุดและเร็วที่สุด"

       ทั้งนี้ได้สั่งการให้ ศบค.ทบทวนเรื่องมาตรการผ่อนคลายของสถานทูต เอกอัครราชทูตต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตามระบบระเบียบทุกประการ การอนุญาตการบินเข้ามาจากต่างประเทศไม่ว่าเครื่องบินทหาร หรือเครื่องบินใด ๆ ก็ตาม ต้องมีมาตรการตามที่กำหนดไว้แล้ว เป็นเรื่องที่ไม่รับผิดชอบในส่วนที่รับปากกันแล้ว ผ่านการตรวจเชื้อแล้วด้วย แต่ออกไปนอกพื้นที่ ถือเป็นการฝ่าฝืน ให้กระทรวงการต่างประเทศไปหารือสถานทูต เอกอัครราชทูตแล้วว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ตอนนี้ระงับเที่ยวบินทุกเที่ยวบินที่เข้ามาลักษณะนี้ทั้งหมด ไม่มีการอนุมัติให้เข้ามาอีกจนกว่าจะแก้ไขได้ ปัญหาทุกปัญหามีที่สำเร็จและที่ต้องแก้ไข ศบค.ไม่ได้หยุดยั้งเรื่องเหล่านี้เลย

 

“ขอให้เชื่อมั่นว่ามาตรฐานสาธารณสุขเราน่าจะรองรับได้ แต่ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่ผมเสียใจ ขอโทษพี่น้องคนไทยด้วยแล้วกันก็จะมาดูแลให้มากที่สุดในหลายประเด็น หลายปัญหาเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หลายปัญหาไม่รู้มาก่อน หรือบกพร่องบางประการ เน้นย้ำที่ประชุม ครม.แล้ว ให้ ศบค.ไปแก้ไข ทบทวนทุกอย่าง โดยเฉพาะมาตรการผ่อนคลาย เพราะมีผลกระทบด้านความเชื่อมั่น ความปลอดภัยของประชาชนโดยรวม ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น รับว่าจะดำเนินการให้ดีที่สุด ขอเวลาให้ ศบค.แก้ปัญหา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

         สิ่งที่กังวลอีกเรื่องการ์ดตกหลายส่วน ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการ ได้เน้นย้ำให้ไปตรวจตราให้รัดกุมมากกว่าเดิม โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวกลางคืน ผับ บาร์ ที่แน่นขนัดต้องปิดทันทีถ้าไม่แก้ไข เป็นส่วนที่ต้องร่วมมือกับเรา ถ้าไม่ปฏิบัติต้องยกเลิกไปจนกว่าจะแก้ไขได้ ขอย้ำเรื่องสวมหน้ากาก ล้างมือ เช็กอินไทยชนะ social distancing ยังต้องมีอยู่ วันนี้เห็นแล้วว่าที่เราทำลำบากขนาดนั้น ผลออกมาวันนี้เรารักษามาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นอันดับแรกๆ ของโลกด้วยซ้ำไป

        ส่วนเรื่องวัคซีน มีความก้าวหน้าตามลำดับ เตรียมการไปสู่การทดลองกับคน ต้องไปหาอาสาสมัคร จำนวนหลายพันคน เพื่อจะทดสอบวัคซีน และต้องส่งตรวจสอบกับต่างประเทศ ถ้าเราสามารถทำได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลกก็จะเป็นชื่อเสียงของประเทศไทย ที่สำคัญไทยจะปลอดภัยจากโรคนี้ ขอบคุณคณะแพทย์ โดยเฉพาะ รพ.จุฬาฯ และอีกหลายโรงพยาบาลที่เข้ามาช่วย

        สำหรับการจะล็อกดาวน์ห้ามคนต่างชาติเดินทางเข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็จะทบทวนก่อน ถ้าเราบอกว่าปิดเลยทีเดียวต้องหามาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ขณะนี้ติดตามอยู่ ไปที่ไหนอย่างไร มีใครติดเชื้อบ้างหรือยัง ขอให้ประชาชนช่วยดูแลด้วย ขึ้นอยู่กับคนหลายคน ถ้าทุกคนไม่ทำตามระเบียบ ระบบก็มีปัญหาอีก ทั้งนี้ เครื่องบินคณะทหารเป็นเครื่องบินเข้ามาเพื่อเปลี่ยนเครื่องเท่านั้น เข้ามาแล้วต้องไปเลย แต่ปรากฏว่ามีการหยุดค้างคืน และมีบริษัทพาเข้าโรงแรม ตามกติกาต้องอยู่ในโรงแรม ปรากฏว่าไม่ควบคุม หรือ ควบคุมไม่ได้ดีนัก ตนสั่งการให้เข้มงวดทุกพื้นที่ ไม่อยากให้ความก้าวหน้าในเรื่องต่างๆ มีปัญหาอีก

       ในเรื่องการรับนักท่องเที่ยว ได้บอกกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไว้แล้ว ให้เตรียมการไว้ก่อน ส่วนการอนุมัติหรือไม่อนุมัติต้องดูสถานการณ์ทั้งภายในภายนอกประเทศ เราไม่ผลีผลาม ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาอีก เพราะคนจำนวนมากเข้ามา ถ้าเจอคนแบบนี้ที่ไม่รักษาวินัย ก็จะเกิดปัญหา ดังนั้น เราไม่ผ่อนคลายตรงนี้ แต่ยังไม่ถึงขั้นล็อกดาวน์หรือห้ามทั้งหมด แต่ต้องหามาตรการเข้มข้นในจุดที่อ่อนไหว เช่น ในส่วนเจ้าหน้าที่ทูต ครอบครัว การเข้า state quarantine บุคคล VIP นักธุรกิจ จะต้องทบทวนมาตรการ เจ้าหน้าที่มีความพร้อมแค่ไหน น้ำยาตรวจเชื้อต้องดำเนินการให้เพียงพอ ทุกสนามบินต้องมีเช่นเดียวกันหมด ในการตรวจสอบ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องระงับเที่ยวบินไม่ให้เข้าประเทศเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องทบทวนเพียงแค่ระยะหนึ่งว่ามาตรการจะมีจุดรั่วตรงไหน ไม่ใช่ปิดสนามบิน เพียงชะลอนิดหน่อย ว่าเราจะหามาตรการอะไรที่เหมาะสม เช่น เคสอย่างนี้ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจะทำอย่างไร จะหยุดหมดไม่ได้อยู่แล้ว เพราะคนรอกลับไทยอีกเยอะ นักธุรกิจต่างๆ ที่จะเข้ามาดูธุรกิจของเขาก็ยังมีอยู่ นักการทูตก็ต้องเดินทาง ระดับผู้นำต้องมาพบปะหารือในระดับสูง เหล่านี้ต้องมีมาตรการที่เข้มงวดส่วนจจะต้องแบล็กลิสต์ ประเทศเหล่านั้นหรือไม่ คงไม่ถึงขนาดนั้น

เมื่อถามว่าจะพิจารณาทบทวนการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ยังไม่พูดถึงตรงนั้น ยังเหลือเวลาอีกเดือนหนึ่ง พูดไปก่อนเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก ก็ดูสถานการณ์สิจ๊ะ”

จะต้องเข้มงวดตามแนวชายแดนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องเข้มงวดหมด ปัญหาสำคัญอยู่ที่คน เจ้าหน้าที่มีจำนวนหนึ่งที่ดูแลตามชายแดน วันนี้เจ้าหน้าที่ขึงพืดรั้วลวดหนามหีบเพลงเต็มไปหมดแล้ว และเสริมใช้กล้อง ใช้โดรนลาดตระเวนทางอากาศ แล้วรีบชาร์จเข้าไปโดยเร็ว เพราะแต่ก่อนคนเดินข้ามน้ำ วันนี้ข้ามน้ำอีกแล้ว สิ่งสำคัญต้องติดตามคนเหล่านี้ให้ได้ แต่ผมเห็นใจเขาก็เดือดร้อน เพราะประเทศไทยปลอดภัยที่สุด แต่เข้ามาให้ถูกช่องทางสิ