ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank แถลงดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ SMEs และดัชนีความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ SMEs ประจำไตรมาสที่ 4/2562 จาก 1,233 ตัวอย่างทั่วประเทศ โดยสำรวจ 3 ดัชนี ได้แก่ 1.ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ SMEs (SMEs Situation Index) 2.ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจฯ (SMEs Competency Index) และ 3.ดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจ SMEs (SMEs Sustainability Index) นำมาประมวลให้เห็นถึง ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ SMEs (SMEs Competitiveness Index)

        นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ ไตรมาส 4/2562 อยู่ที่ 40.8 ปรับตัวลดลง 0.7 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (3/2562) ส่วนคาดไตรมาส 1/2563 เชื่อว่าจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 41.2 เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ไม่ใช่ลูกค้าของ ธพว. ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจปรับจากระดับ 35.0 มาอยู่ที่ระดับ 34.2 ส่วนกลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจ จากระดับ 47.0 มาอยู่ที่ระดับ 46.5

         สำหรับ ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจ ไตรมาสที่ 4/2562 อยู่ที่ระดับ 47.2 ปรับตัวลดลง 0.6 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนคาดไตรมาส 1/2563 จะขยับขึ้นอยู่ที่ 47.9 เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการทำธุรกิจจากระดับ 39.6 มาอยู่ที่ระดับ 38.7 ขณะที่กลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว. จากระดับ 56.2 มาอยู่ที่ระดับ 55.9

          และดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจ ไตรมาสที่ 4/2562 อยู่ที่ระดับ 50.4 ปรับตัวลดลง 0.7จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนคาดไตรมาส 1/2563 จะขยับขึ้นอยู่ที่ 50.8 เมื่อจำแนกลักษณะตามการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีจากระดับ 43.8 มาอยู่ที่ระดับ 42.7 ขณะที่กลุ่มที่เป็นลูกค้า ธพว. จากระดับ 58.5 มาอยู่ที่ระดับ 58.2

  

          ทั้งนี้ จาก 3 ดัชนีข้างต้น นำมาสู่ ดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไตรมาสที่ 4/2562 พบว่า อยู่ที่ระดับ 46.1 ปรับตัวลดลง 0.8 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าในไตรมาสที่ 1/2563 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 46.6 เมื่อจำแนกตามลักษณะการเป็นลูกค้า พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน ลดลงจากระดับ 39.5 มาอยู่ที่ 38.5 ส่วนลูกค้า ธพว. ดัชนีความสามารถในการแข่งขัน จากระดับ 54.1 มาอยู่ที่ 53.5

        สำหรับผลสำรวจความต้องการความช่วยเหลือ สนับสนุนหรือพัฒนากิจการจากภาครัฐ โดยกลุ่มตัวอย่างระบุว่า ต้องการการสนับสนุน 4 ด้าน อาทิ การสนับสนุนและการพัฒนาเศรษฐกิจ,การส่งเสริมธุรกิจ,สินเชื่อ และภาษี 

         

"สิ่งสำคัญของผลสำรวจครั้งนี้ สะท้อนว่า ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ยังมีความเชื่อว่า สถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของ SMEs ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า หรือไตรมาส 1/2563 น่าจะปรับดีขึ้น อันเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมเอสเอ็มอีของภาครัฐที่ออกมาแล้ว และกำลังทยอยออกมาเพิ่มเติมต่อเนื่อง เช่น มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย เป็นต้น รวมถึง การลงทุนภาครัฐ จะมีส่วนสำคัญทั้งทางตรงทางอ้อมให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ช่วยให้สถานการณ์ธุรกิจของเอสเอ็มอีปรับตัวดีขึ้น"

 

          นายสมานพงษ์ เกลี้ยงลํายอง รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากผลสำรวจเห็นได้ชัดเจนว่า กลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้า ธพว. ค่าเฉลี่ยดัชนีทุกด้านสูงกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของ ธพว. เนื่องจาก ธพว. มีนโยบายหลักในการเติมความรู้คู่ทุน นอกเหนือจากให้สินเชื่อดอกเบี้ยถูกแล้ว ยังเสริมด้วยการพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปด้วย ทำให้ผู้ประกอบการมีศักยภาพ สามารถปรับตัวอยู่รอดได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เช่น จัดอบรมการทำตลาดออนไลน์ บริหารจัดการต้นทุนธุรกิจ แนะนำการทำบัญชีเดียว เป็นต้น อีกทั้ง ช่วยขยายตลาดใหม่เพิ่มยอดขาย เช่น พาออกงานตลาดนัด “SME D ยกกำลัง 3” ที่ธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเดือนมกราคม นี้ จัดระหว่างวันที่ 23-24 มกราคม 2563 ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 สำนักงานใหญ่ SME D Bank อีกทั้ง พาเปิดตลาดอีคอมเมิร์ซ ผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดัง อย่าง Thailandpostmart.com Shopee และ Lazada เป็นต้น