24 ก.พ. 2562 นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2562 นี้ แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีการขยายตัวได้ในทิศทางที่ดี โดยมีปัจจัยจากความชัดเจนในการเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเรื่องการเมืองเป็นสิ่งสำคัญต่อภาพรวมเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น โดยหากรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและสานต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือรถไฟฟ้า จะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการขยายตัวมากขึ้น


          “สิ่งที่คาดหวังให้รัฐบาลใหม่ปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับภาคอสังหาฯ มีหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจ กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยกลุ่มลูกค้าชาวไทย ควรส่งเสริมให้คนซื้อบ้านเพื่อเป็นทรัพย์สินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เช่าที่อยู่อาศัย เพื่อเป็นการสร้างระบบเศรษฐกิจให้เติบโต เช่น การนำดอกเบี้ยการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย มาหักลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวน เนื่องจากดอกเบี้ยเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จากเดิมที่ลดหย่อนได้เพียง 100,000 บาท ซึ่งมาตรการนี้ ช่วยกระตุ้นคนซื้อบ้าน จะทำให้คนเช่าบ้านหันมาพิจารณาซื้ออยู่อาศัยเองมากกว่า”นายวิทย์ กล่าว




          ปัจจุบันการประเมินลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านค่อนข้างประสบปัญหา เนื่องจากระบบในการตรวจสอบฐานะของผู้กู้ จะต้องผ่านบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร และในการตรวจเช็กประวัติลูกค้าแต่ละสถาบันการเงินก็แตกต่าง ทั้งนี้ เครดิตบูโร ก็เปรียบเสมือนหน่วยงานกลางที่มีบทบาทในการให้เครดิตผู้กู้ แทนที่จะเป็นหน้าที่ของธนาคารพาณิชย์ในการตรวจผล โดยใช้เครดิตสกอริ่งของธนาคารในการประเมิน


          ด้านนายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที กรุ๊ป แอซเซ็ท จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ จะเห็นภาพผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระบายสต๊อกสินค้าเพื่อเร่งยอดขาย  แต่สภาพตลาดในช่วงที่ผ่านมายังซบเซา เพราะความเข้มเรื่องนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาพาณิชย์  ทำให้ลูกค้าจำนวนมากไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งเรื่องนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาก บางธนาคารประกาศนโยบาย ไม่รับพิจารณาสินเชื่อที่อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นอย่างมาก


          อย่างไรก็ตามอยากเสนอรัฐบาลใหม่ให้มีการปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในการดูแลลูกค้าผู้ซื้อคนไทย ควรมีนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่ออยู่อาศัย และผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย และมาตรการลดภาษีและค่าธรรมเนียมในการซื้ออสังหาฯ  โดยปีนี้ ยอดขายภาคอสังหาริมทรัพยือาจจะลดลง โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียม แต่จะมียอดขายจากกลุ่มเรียลดีมานต์เพิ่มมากขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจทำให้กลุ่มซื้อลงทุนชะลอการลงทุนออกไป.

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  www.thaipost.net