ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าเราจะมีอาการเบื่อบ้าง ขี้เกียจบ้าง เพราะในแต่ละวัน เราต่างก็ต้องรับภาระหน้าที่ต่าง ๆ กันมาทั้งวัน พอร่างกายล้า สมองล้า ก็พาลเอาเบื่อที่จะขยับทำอะไรอีก จนกลายเป็นความขี้เกียจเกาะตัวไป

แต่จะเป็นเรื่องแปลกและค่อนข้างอันตรายมาก! ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองเบื่อในแบบที่ว่า ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ในแต่ละวัน รู้สึกเบื่อจนไม่มีความสุข เบื่อจนอารมณ์หมอง ปิดกั้นตัวเองจากทุกสิ่งแล้วดิ่งอารมณ์ให้ลึกลงไปเรื่อย ๆ การปล่อยตัวเองแบบนี้อาจทำให้จิตของเรามีปัญหาสะสมเรื้อรังจนเป็นโรคซึมเศร้าได้!

เพื่อเติมไฟให้ชีวิตมี passion หล่อเลี้ยงตลอดเวลา ลองหาสิ่งต่อไปนี้ทำเมื่อมีเวลาว่างดูสิ!
 

#1 ไป work & travel

 
ถ้าอยู่ในช่วงที่ว่างมาก ๆ เป็นเดือน และฐานะไม่ขัดสน เช่น อยู่ในระหว่างปิดเทอม, อยู่ในช่วงเพิ่งเรียนจบแต่ยังไม่มีงานทำ, อยู่ในช่วงที่ตกงาน ลองปรึกษากับศูนย์แนะแนวต่างประเทศ ( พวกโรงเรียนสอนภาษาหรือสถาบันภาษาต่าง ๆ ) เพื่อหาโอกาสไป work & travel ที่ต่างประเทศดูสักครั้ง การพาตัวเองไปสู่สังคมใหม่ในต่างประเทศ นอกจากเรื่องของภาษาจะพัฒนาขึ้นแบบก้าวกระโดด เราอาจได้วิสัยทัศน์ดี ๆ กลับมาทบทวนตัวเองได้ว่าควรจะกำหนดทิศทางชีวิตอย่างไรต่อไป
 
 

#2 ไปเที่ยวในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ

 
หากมีวันหยุดสัก 3-5 วันเป็นอย่างน้อย ควรพาตัวเองไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ดีกว่าหมกตัวเองทำอะไรเรื่อยเปื่อยในห้องแคบ ๆ ให้ผ่านไปวัน ๆ การท่องเที่ยวในถิ่นที่เราไม่คุ้นชิน จะช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิตหลายด้าน ผู้คนที่ไม่เคยเจอ อาหารที่ไม่เคยกินมาก่อน เรื่องราวแปลกใหม่ระหว่างเดินทางอาจทำให้เรามีแรงบันดาลใจ คิดไอเดียอะไรออกเมื่อกลับถึงบ้านก็ได้นะ
 

#3 ลงแข่งขันอะไรสักรายการ

 
บางทีแล้วชีวิตที่น่าเบื่อ ก็เป็นเพราะเราไม่ทำให้ชีวิตตื่นเต้น และการพาตัวเองไปแข่งขันอะไรสักรายการ ก็อาจตอบโจทย์นี้ได้! ลองหาสนามสอบหรือสนามแข่งขันอะไรก็ได้ที่คิดว่าตัวเองพอจะมีความสามารถที่ไม่แย่อะไร เช่น สอบ TOEIC เพื่อวัดผลภาษาอังกฤษของตัวเอง, เข้าร่วมรายการแข่งขันเดิน-วิ่ง, เข้าร่วมรายการแข่งขันทำอาหาร, ส่งผลงานประกวดภาพถ่าย ไม่ได้รางวัลหรือไม่ชนะใครก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้สร้างผลงานให้ตัวเองได้บันทึกลงแฟ้มส่วนตัวได้บ้างว่า ชีวิตที่ผ่านมาเราก็พอจะมีอะไรสนุก ๆ ทำบ้างแหละนะ
 

#4 เรียนคอร์ส เรียนพัฒนาทักษะ

 
  
อะไรก็ตามที่เราอยากจะจริงจังให้ได้ แต่รู้สึกว่าพยายามยังไงก็ไม่ได้ผลดีขึ้น อย่าเสียเวลาโทษตัวเองว่าไม่เก่งพอ หรือดันทุรังทำเองอยู่อย่างนั้น การมองหาติวเตอร์หรือกูรู ไม่ว่าจะเป็นการสมัครเรียนกับสถาบันอะไรก็ตามโดยตรง หรือเป็นการเปิดดูผ่านระบบออนไลน์ จะช่วยให้เราเก่งขึ้นได้ เพราะเราจะค้นพบเทคนิคและรายละเอียดอีกมาก ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
 

#5 พบปะพูดคุยกับเพื่อนที่หลากหลายสังคม

 
 
อย่าปิดกั้นตัวเองให้เป็นคนที่เก็บตัวมากเกินไป หรือคบแต่เพียงเพื่อนกลุ่มเดิม ๆ ควรกล้าที่จะทำความรู้จักกับเพื่อนในหลากหลายสังคมบ้าง เพื่อเปิดโลกทัศน์มากขึ้นว่าแต่ละคนมีทัศนคติและการวางตัวอะไรบ้างที่น่าจับตามอง น่าเรียนรู้ ( ไม่ใช่เลียนแบบนะคะ 555 ) การพบปะพูดคุยกัน ก็คล้ายกับการระดมความคิดอย่างหนึ่ง เราอาจพบมุมมองดี ๆ กำลังใจดี ๆ ที่สามารถปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้
 

#6 เข้าร่วมงานอบรม/สัมมนาดี ๆ

 
ลองลงทะเบียนงานอบรมหรือสัมมนาอะไรก็ได้ที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะในงานนั้นนอกจากจะได้มิตรภาพใหม่ ๆ จากผู้คนที่มีความสนใจแบบเดียวกับเรา เราอาจได้เทคนิคดี ๆ ข้อคิดดี ๆ จากวิทยากร/ผู้เชี่ยวชาญในงาน ที่ช่วยเบิกประสบการณ์ เติมแรงบันดาลใจให้ฮึดสู้ รู้สึกอยากเก่งแบบเขาบ้าง
 

#7 หางานอดิเรกสักอย่าง

 
  
งานอดิเรกก็คือ ความชื่นชอบในสิ่งใดก็ตามที่ยังไงก็ไม่เบื่อ ชอบที่จะสะสมไปเรื่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ เช่น ชอบสะสมตุ๊กตาฟิกเกอร์, ชอบสะสมหนังสือการ์ตูน, ชอบทำเพจรีวิวสิ่งที่ตัวเองชอบ เป็นต้น อย่าใส่ใจกับคนที่มองว่าไร้สาระ ของที่มีคุณค่าทางใจสำหรับเราขนาดนั้น ต่อให้เล็กน้อยอย่างไร ก็มีความหมายเสมอ ตั้งใจเก็บเงิน เชิดหน้า แล้วซื้อคอลเลคชั่นต่อไป! 
 

#8 หาโอกาสไปปฏิบัติธรรมแบบจริงจังสักครั้ง

  
หาโอกาสปฏิบัติธรรมแบบจริงจังสักครั้งในชีวิต ชนิดที่กินนอนอยู่สถานที่ปฏิบัติธรรมหลายคืนเลยยิ่งดี ( ยิ่งเป็นวัดป่าจะดีมาก ) การปฏิบัติธรรมนอกจากจะเป็นการสร้างบุญกุศลอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ชำระล้างจิตใจให้สะอาด อะไรที่ไม่ดี ที่สะสมในจิตใจมานาน ล้างออกไปบ้าง จิตใจจะได้ใสสะอาด พร้อมรับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต นึกคิดอะไรก็ทะลุปรุโปร่งดี มีสมาธิมากขึ้น มีสติมากขึ้น ไม่มึนงงสับสนเหมือนแต่ก่อน
 

#9 ตีตั๋วเข้าชมคอนเสิร์ตสักครั้ง

  
ควรหาโอกาสสักครั้งที่เข้าชมคอนเสิร์ตศิลปินที่สนใจแบบสด ๆ เพราะนอกจากได้ฟังเพลงในอรรถรสที่ต่างจากที่คุ้นเคย ได้เห็นศิลปินที่ชอบแบบตัวเป็น ๆ สิ่งแวดล้อมในงานก็มีส่วนทำให้เราหัวใจพองโตได้ เช่น ได้รู้ว่าบางคนพยายามแค่ไหนที่จะได้ใกล้ชิดกับศิลปินที่เป็นไอดอล, ได้เห็นว่าศิลปินคนนั้นมีไหวพริบ มีทัศนคติอย่างไรเมื่ออยู่บนเวที, ได้รู้ว่าผลงานเพลงของศิลปินก็เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนในเวทีนั้น
 

#10 อ่านหนังสือ

  
 
ใครที่ไม่มีเงินไปต่างประเทศ พอใจที่จะเก็บตัวอยู่ในห้อง ลองเจียดเงินสัก 200-300 บาทต่อเดือน เพื่อซื้อหนังสือดี ๆ สักเล่ม ใช้เวลาใช้สมาธิไปกับการอ่านหนังสือ ปิดโลกภายนอกทุกอย่างลง นอกจากช่วยจูนสมาธิเราให้ดีขึ้น ยังทำให้เราเปิดโลกทัศน์ได้กว้างไกลมากขึ้น มีแรงบันดาลใจมากขึ้น ได้ปลดปล่อยจินตนาการไร้ขอบเขตจากเรื่องราวในหนังสืออีกด้วย
 

#11 อ่าน/ดู/ฟัง บทสัมภาษณ์คนดัง

  
อย่าเสียเวลาไปกับการอ่านข่าวซุบซิบดาราให้มาก ควรให้เวลาตัวเองไปดู/อ่าน/ฟัง บทสัมภาษณ์ดี ๆ จากรายการทอล์กโชว์ต่าง ๆ ที่มีความยาวหลายสิบนาที เพื่อดูว่าชีวิตคนดังเขาคิดอย่างไรจึงประสบความสำเร็จ เขามีมุมมองอะไรที่เราไม่เคยรู้มาก่อนบ้าง " การเรียนรู้จากชีวิตคนที่ประสบความสำเร็จ ก็คือการเรียนรู้ที่ควรทำอย่างหนึ่งเพื่อสร้างพลังบวกให้ตัวเอง "
 
แรงบันดาลใจดี ๆ ในชีวิต สร้างได้ด้วยการหาอะไรที่เป็นพลังบวกเติมชีวิตตัวเองเสมอ อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดไฟด้วยการไม่ทำอะไรเลย หรือรับแต่พลังลบเข้ามานะคะ เกิดมาทั้งที ต้องทำสิ่งดี ๆ เข้าไว้ถึงจะคุ้ม ^^
 
ขอบคุณข้อมูลจาก sistacafe.com