จากก่อนหน้านี้ TerraBKK ได้มีบทความเกี่ยวกับ วิธีรับมือปัญหาหน้าฝน ผ่านไปแล้ว 4 วิธียังมีเลือกอีก 4 วิธี ที่จะทำให้เราได้ทราบวิธี และรับมือกับทุกปัญหาภายในบ้าน ที่มักเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลยค่ะ
ผ้าเหม็นอับเพราะเปียกฝน เวลาตากผ้าไว้แล้วออกไปทำงาน ต้องคอยลุ้นว่าฝนจะตกหรือเปล่า เพราะอาจต้องกลับไปซักใหม่หรือไม่ก็เหม็นอับอีกแล้ว วิธีแก้ไขทันใจ คือ 1. ใช้เครื่องอบผ้า หรือเลือกเครื่องซักผ้าที่มีระบบอบผ้าแห้ง ซึ่งมีประโยชน์ทั้งวันที่เร่งรีบและในหน้าฝน 2. หลังซักผ้าเสร็จ นำผ้าไปแช่ในน้ำผสมสารส้มประมาณ 10 นาที แล้วค่อยนำไปตากก็ช่วยได้มาก ลมแรงๆฝนสาดเข้าหน้าต่าง ฝนตกแต่ละที หลายคนอาจปิดหน้าต่างกันไม่ทัน วิธีแก้ไข คือ 1. ใช้อุปกรณ์ช่วยปิดสำหรับหน้าต่างบานเปิด ที่ปิดได้โดยไม่ต้องเปิดมุ้งลวด อีกทั้งไม่วางสิ่งของที่เปียกชื้นง่ายไว้ริมหน้าต่าง 2. ติดขอบยางรอบหน้าต่าง ก็จะช่วยป้องกันน้ำซึมเข้ามาได้ 3. ทำกันสาดยื่น 4. ทำช่องระบายอากาศหรือหน้าต่างที่มักจะเปิดค้างไว้ ควรทำเป็นบานเกล็ดหรือบานกระทุ้ง ก็จะป้องกันฝนสาดได้ดีกว่าแบบอื่นๆ 5. ทำแผงไม้ระแนงด้านที่มีลมแรงมากๆ ช่วยชะลอแรงลมและฝนไม่ให้สาดเข้าบ้าน สารพัดสัตว์หนีน้ำเข้าบ้าน 1. ปิดช่องทางที่สัตว์เหล่านั้นอาจจะเข้ามาให้มิดชิด เช่น ปิดช่องว่างใต้ประตูด้วยแถบยางที่มีขายทั่วไป และถ้ารูระบายน้ำในห้องน้ำเป็นชนิดไม่มีที่ดักกลิ่น ซึ่งสัตว์สามารถขึ้นมาตามท่อได้ อาจป้องกันด้วยการวางตะแกรงรูถี่ๆ ปิดด้านบนเป็นการชั่วคราวก่อน และอุดช่องห่างของผนังด้วยปูนอุดรอยรั่วสำเร็จรูป 2. วิธีกำจัดแบบถาวร คือ 1. ควรยกพื้นบ้านให้สูงจากพื้นดินหรือจากระดับที่เคยน้ำท่วมอย่างน้อย 1.00 ม. หรือถ้าเป็นบ้านมีใต้ถุน ให้หุ้มรอบเสาด้วยแผ่นพลาสติกที่ใช้ห่ออาหาร หรือแผ่นสังกะสีกว้าง 30 ซม.ก็ป้องกันสัตว์เลื้อยขึ้นบ้านได้ 3. เปลี่ยนรูระบายน้ำในห้องน้ำเป็นชนิดมีที่ดักกลิ่น ซึ่งเป็นระบบที่มีน้ำหล่ออยู่ตลอดเวลา ทำให้สัตว์และกลิ่นขึ้นมาไม่ได้ 4. ไม่ควรปลูกต้นไม้ติดกับตัวบ้าน และทำบริเวณรอบๆ ตัวบ้านให้โปร่งไว้ ไม้ให้เป็นที่ซ่อนตัวของสัตว์ต่างๆ อีกทั้งยังสังเกตเห็นความผิดปกติได้ง่ายอีกด้วย เฟอร์นิเจอร์ผ้า, พรมเหม็นอับ วิธีแก้ไข คือ 1. เปิดหน้าต่างระบายอากาศให้ทั่วบ้าน หาที่มาของกลิ่นอับแล้วทำความสะอาด โดยนำไปซักแล้วตากแดดให้แห้ง ( ถ้าสามารถทำได้ ) 2. ขจัดกลิ่นอับที่พรม ด้วยการใช้ผงขจัดกลิ่นอับสำเร็จรูปที่มีขายทั่วไป หรือใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ผงฟู หรือ เบคกิ้งโซดา” โรยบนพรม โดยใช้อัตราส่วน 1 ถ้วย ต่อพื้นที่ห้อง15 ตร.ม. ทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก ถ้ากลิ่นติดแน่นให้ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงดูดออก ( ผงฟูที่ใช้ต้องเป็นผงฟูบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนผสมอื่นๆอย่างบางยี่ห้อ ที่ใช้ทำขนมเท่านั้น ) 3. ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่บุด้วยผ้า ด้วยการใช้ไม้ขนไก่ หรือเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ฝุ่นสะสมจนเกิดคราบสกปรกและกลิ่นอับ และเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถถอดผ้าออกมาซักได้ 4. การดูแลรักษาพรม โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1- 2 ครั้ง แต่ถ้าพรมผืนใหญ่มาก ก็ควรให้ร้านซักพรมมาทำความสะอาดอย่างน้อยปีละครั้งก็จะสะดวกกว่า 5. เลือกใช้พรมที่ผลิตจากเส้นใยอะคริลิก, ไนลอนและโพลีพรอพไพลีน ซึ่งทำความสะอาดง่ายและดูดซับความชื้นต่ำ 6. หลีกเลี่ยงวางเฟอร์นิเจอร์ผ้าและปูพรมในบริเวณที่อาจเปียกชื้น เช่น ริมหน้าต่าง พื้นประตูเข้าออก หรือหน้าห้องน้ำ ขอบคุณที่มา www.btb.co.th

บทความโดย : TerraBKK.com