เวียดนามมีรายได้จากขายนํ้ามันคิดเป็นร้อยละ 10 ของ GDP แต่สถานการณ์ราคานํ้ามันในตลาดโลกที่ตกตํ่า ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อเวียดนาม แล้วเวียดนามเตรียมความพร้อมอย่างไร หากราคานํ้ามันยังคงตกตํ่าและเศรษฐกิจโลกซบเซาในปีหน้า


ราคานํ้ามันที่ตกตํ่าลงอย่างต่อเนื่องราวร้อยละ 40 ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม่เพียงสร้างผลกระทบให้แก่ "รัสเซีย" จนส่งผลต่อวิกฤตให้เงินรูเบิลอ่อนค่าลงไปเท่านั้น แต่ราคานํ้ามันที่ตกตํ่านี้ กำลังสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2015 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วย เนื่องจาก เวียดนามมีรายได้จากการส่งออกนํ้ามันดิบคิดเป็นร้อยละ 10 จากรายได้ทั้งหมดของประเทศ

บุ่ย กวาง วิงห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนและการวางแผน ระบุว่า ราคานํ้ามันในตลาดโลกที่ตกตํ่า เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า รายได้ของรัฐบาลจะลดลงราว 5 พันล้านดอลลาร์หรือราว 1 แสน 5 หมื่นล้านบาท และทางการจำเป็นต้องตัดงบประมาณแผ่นดิน เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศลงไปด้วยราว 3 พันล้านดอลลาร์หรือ 9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ การลดกำลังการผลิตของเวียดนาม ได้เพิ่มความกังวลใจให้แก่หลายฝ่ายว่า ภาคการคลังของเวียดนามจะอ่อนแอลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล และผู้เชี่ยวชาญของเวียดนาม มองว่า ผลกระทบจากราคานํ้ามันตกตํ่า ไม่ส่งผลต่อรายได้ของรัฐมากนัก เพราะสามารถหักลบกลบหนี้กับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2015 ได้ และเวียดนามไม่ได้พึ่งพาการส่งออกนํ้ามันเหมือนแต่ก่อนแล้ว นอกจากนี้ เวียดนามส่งออกนํ้ามันดิบไปยังต่างประเทศ 16 ล้านตัน และนำเข้าน้ำมันที่กลั่นแล้ว 10 ล้านในแต่ละปี และเพื่อป้องกันผลกระทบต่อรายได้ภาครัฐ เวียดนามอาจลดการนำเข้านํ้ามันลงในปีหน้า ตรงกันข้าม ราคานํ้าที่ตกตํ่าเช่นนี้ กลับเป็นตัวกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบภายในประเทศจนก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงก็เป็นได้ เนื่องจากอุปทานน้อยกว่าอุปสงค์ ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกหรือ World Bank ออกมาคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเวียดนามจะเติบราวร้อยละ 5.7 ภายหลังการแก้ไขกฎหมายการลงทุนในประเทศ เช่นเดียวกับการคาดการณ์ที่มากกว่าของ Frontier Strategy Group ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจของเวียดนามจะเติบโตจากร้อยละ 5.9 เป็นร้อย 8.5 ในปี 2015 และถ้าหากราคานํ้ามันในตลาดโลกยังทรงตัวที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เศรษฐกิจเวียดนามอาจจะเติบโตมากกว่าร้อยละ 10 ก็เป็นได้ สืบเนื่องมาจาก การบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง อันที่จริง รัฐบาลเวียดนามจะยังเป็นกุญแจสำคัญ ของการเข้าแทรกแซงตลาด หากเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของเวียดนาม ประกาศขึ้นอัตราภาษีศุลกากร สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เพื่อชดเชยกับงบประมาณขาดดุล หากสูญเสียรายได้จากการส่งออกนํ้ามันที่มีราคาตกตํ่าลง รวมทั้ง ออกมาตรการลดการผลิตหากราคานํ้ามันยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า มันจะกระทบต่อผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ทำให้สูญเสีย GDP ราวร้อยละ 0.8 ถึง 1.5 ในปี 2015 ก็ตาม
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังได้จัดตั้งทีมประสานงานภาครัฐกับเอกชนขึ้น เพื่อจัดการหรือให้คำแนะนำ ภาคส่วนต่างๆของเวียดนาม หากต้องเผชิญสภาวะเศรษฐกิจผันผวนในปีหน้า ซึ่งน่าจับตาว่า เวียดนามซึ่งเป็นหนึ่งประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจในอาเซียน จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกมากน้อยเพียงใด แต่ความพร้อมผ่านนโยบายต่างๆของรัฐบาลเวียดนามเหล่านี้ เป็นการการันตีว่า เวียดนามพร้อมเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถูกคาดการณ์ว่าจะถดถอยในปี 2015 แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก : voicetv

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มเติมได้ที่ : www.TerraBKK.com

Facebook : TerraBKK Facebook

Google+ : TerraBKK Google+

Twitter : TerraBKK Twitter