มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวมีผลใช้บังคับแล้ว โดยลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการกําหนดให้เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนําเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนําเที่ยวและมัคคุเทศก์ หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรมให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม สําหรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ตามจํานวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท (15,000 บาท) เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนํามารวมคํานวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ เฉพาะค่าบริการหรือค่าที่พักที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกําหนด

ความหมาย คือ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ไม่เกิน 15,000 บาท นั่นเอง ดังนั้นเที่ยวเมืองไทยจากนี้ถึงสิ้นปี 2558 ต้องเก็บใบเสร็จค่าบริการหรือค่าที่พักทุกครั้ง สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนค่าเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ได้ที่ กรมสรรพากร

เหตุผลของการใช้กฎกระทรวงเพื่อลดหย่อนภาษีฉบับนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยงภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งซึ่งการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของเศรษฐกิจไทย สำหรับสิทธิประโยชน์ของกฎกระทรวงฉบับนี้ คือ

  1. ผู้รับเงิน (เราต้องจ่ายเงินให้) แน่นอนคือ “ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว” ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวหรือมัคคุเทศน์ หรือเป็น “ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม” ได้รับใบอนุญาติตามกฎหมายโรงแรม
  2. ค่าใช้จ่ายแบบไหนถึงจะเข้าเกณฑ์ เราต้องจ่ายเป็น “ค่าบริการ” ให้แก่ผู้ประกอบการนำเที่ยว แต่ถ้าเราเข้าพักต้องจ่ายเป็น “ค่าที่พักในโรงแรม” ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศ แสดงว่าไปเที่ยวต่างประเทศ หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับ “ค่าบริการ” หรือ “ค่าที่พักในโรงแรม” ก็ไม่สามารถนำมาลดหย่อนได้
  3. วงเงินที่สามารถลดหย่อนได้ สามารถนำใบเสร็จที่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎกระทรวงลดหย่อยได้สูงที่สุด 15,000 บาท
  4. เริ่มใช้วันที่ สิทธิประโยชน์สามารถลดหย่อนได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2558 และต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด