ขณะที่หลายธุรกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบหนักจาก โควิด-19 จนความมั่งคั่งของเศรษฐีจำนวนไม่น้อยลดลง แต่สำหรับ “เจฟฟ์ เบซอส” กลับตรงกันข้าม เพราะธุรกิจอีคอมเมิร์ซของเขาทำให้มหาเศรษฐีรายนี้รวยขึ้นอย่างมาก และอาจจะเป็นเศรษฐีล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลกภายใน 6 ปี

ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เจฟฟ์ เบซอส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ก่อตั้งบริษัท Amazon.com (อเมซอน ดอท คอม) ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์ของสหรัฐ ยังต้องดิ้นรนเพื่อรักษาตำแหน่งมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ 2563 แม้มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 แต่ความต้องการหรือดีมานด์ที่พุ่งพรวดบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของอเมซอน ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของเบซอสทะยานกว่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมเป็น 1.43 แสนล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว ตามข้อมูลจากดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก (Bloomberg’s Billionaire Index)

ตัวเลขความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นล่าสุด (2.8 หมื่นล้านดอลลาร์) ของเบซอสไม่ใช่น้อย ๆ เพราะสูงเทียบเท่ากับจีดีพี (GDP) ของประเทศฮอนดูรัสเลยทีเดียว

นับถึงวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์รวม 1.43 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 4.57 ล้านล้านบาทของซีอีโออเมซอนทิ้งห่างมหาเศรษฐีคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น โดยมหาเศรษฐีเบอร์ 2 ของโลกอย่าง “บิล เกตส์” แห่ง Microsoft (ไมโครซอฟท์) มีความมั่งคั่งสุทธิอยู่ที่ 1.06 แสนล้านดอลลาร์ หรือตามหลังเบซอสถึง 1 ใน 3

ส่วนมหาเศรษฐีเบอร์ 3 ของโลกอย่าง “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” แห่ง Facebook (เฟซบุ๊ค) มีสินทรัพย์รวม 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์

  • ขาขึ้นของ "อเมซอน"

อเมซอนรายงานว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้แตะ 7.55 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ส่วนแบ่งในธุรกิจค้าปลีกออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 40% นับตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

ธุรกิจของยักษ์ใหญ่สหรัฐถือว่าไปได้สวยในช่วงโรคระบาดนี้ รวมทั้งมีการขยายบริการจัดส่งสินค้า ความบันเทิง และระบบประมวลผลคลาวด์ ซึ่งทุกบริการของอเมซอนล้วนมีความต้องการสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผู้คนกักตัวอยู่บ้าน

ความสำเร็จอันน่าทึ่งของอเมซอน ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่หลายประเทศล็อคดาวน์สกัดโควิด-19 ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ก่อตั้งอเมซอนจะกลายเป็นมหาเศรษฐีล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลก

  • เศรษฐีล้านล้านคนแรกในปี 2569

บทวิเคราะห์จากเว็บไซต์ “คอมพาริซัน” (Comparisun) คาดการณ์ว่า เบซอส มหาเศรษฐีซีอีโอของอเมซอน อาจกลายเป็นมหาเศรษฐีล้านล้านดอลลาร์คนแรกของโลก หากสินทรัพย์ของเขายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกว่า 30% ต่อปีเหมือนขณะนี้ ความมั่งคั่งของเบซอสซึ่งอายุ 56 ปีในตอนนี้ จะเพิ่มขึ้นแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 32 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2569 เมื่อเขาอายุ 62 ปี

คอมพาริซัน ชี้ว่า มูลค่าทรัพย์สินของซีอีโออเมซอนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 34% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และแม้จะจ่ายยอมความคดีแบ่งสินสมรสให้อดีตภรรยา “แมคเคนซี เบซอส” ด้วยหุ้นอเมซอนมูลค่าราว 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ดูเหมือนจะไม่ทำให้ความมั่งคั่งของเขาสะเทือนแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ คอมพาริซัน คาดว่า นักธุรกิจที่จะเป็นมหาเศรษฐีล้านล้านดอลลาร์คนที่สองของโลกต่อจากเบซอส คือ “สวี เจียอิ้น” นักธุรกิจชาวจีนและประธานบริษัทเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ซึ่งน่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์แตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2570 เมื่อเขาอายุ 68 ปี

“ในอีกมุมหนึ่ง การระบาดของโควิด-19 แทบจะเป็นเชื้อเพลิงกระตุ้นการเติบโตให้กับอเมซอนทั้งในธุรกิจค้าปลีกและคลาวด์” แดน ไอฟ์ส นักวิเคราะห์จากบริษัทเวดบุช (Wedbush) กล่าว

ไอฟ์ส เสริมว่า ในด้านอีคอมเมิร์ซ โรคระบาดทำให้บริษัทต้องขยายการดำเนินงานและได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากการเป็นช่องทางซื้อสินค้าหลักของผู้บริโภค ส่วนในด้านคลาวด์ บริษัทจำนวนมากขึ้นหันมาใช้คลาวด์ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อ อเมซอน เว็บ เซอร์วิส (AWS)

  • เส้นทางสู่อภิมหาเศรษฐีอเมซอน

เบซอส ซึ่งมีชื่อเต็มว่า เจฟฟรีย์ เพรสตัน เบซอส เกิดเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2507 เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่ชาวอเมริกันในฐานะผู้ก่อตั้ง ซีอีโอ และประธานยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์อย่างอเมซอน

นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2537 เบซอสได้เข้ามาพลิกโฉมอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซและถูกมองว่าเป็นนักอุตสาหกรรมและนักลงทุนระดับแถวหน้า

ในปี 2560 ดัชนีความมั่งคั่งของนิตยสารฟอร์บสยกให้เบซอสเป็น “มหาเศรษฐีแสนล้าน” คนแรก ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1.12 แสนล้านดอลลาร์ จากนั้น เขายังได้รับการยกย่องเป็น “บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่” หลังความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค. 2561

ขณะเดียวกัน อาณาจักรอเมซอนของเบซอสกลายเป็นบริษัทรายที่สองในประวัติศาสตร์ที่มีมูลค่าตลาดแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ต่อจาก Apple (แอ๊ปเปิ้ล) ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของสหรัฐที่ครองตำแหน่งบริษัทมูลค่าแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นรายแรกของโลก

 

  • ความท้าทายที่รออยู่

แม้อยู่ในช่วงขาขึ้นทางธุรกิจ แต่อเมซอนของเบซอสเผชิญกับกระแสวิจารณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อพนักงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงการระบาดของโควิด-19

ตัวอย่างเช่น ความเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทที่ลดค่าแรงรายชั่วโมงลง 2 ดอลลาร์สำหรับลูกจ้างคลังเก็บสินค้า ทำให้สังคมรู้สึกรับไม่ได้

ด้านกลุ่มพนักงานออกมาประท้วงหลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องสวัสดิการการทำงานที่เป็นธรรม ขณะที่มีลูกจ้างจำนวนมากขึ้นติดเชื้อไวรัสมรณะนี้

ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานกำกับดูแลและนักการเมืองสหรัฐจึงเริ่มเพ่งเล็งบริษัทยักษ์ใหญ่ค้าปลีกมากขึ้น และไม่นานนี้ บรรดาสมาชิกสภาคองเกรสพรรคเดโมแครตเรียกร้องให้รัฐบาลกลางสอบสวนกรณีสวัสดิภาพการทำงานของลูกจ้างคลังเก็บสินค้าของอเมซอนด้วย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังต้องมีการถกเถียงกันต่อไปว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ จะกล้า “แตกหัก” กับองค์กรที่ผงาดเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon หรือไม่ เช่นเดียวกับรายอื่น ๆ อย่าง Facebook, Google (กูเกิล), และ Apple ที่เฟื่องฟูจนร่ำรวยกว่าหลายประเทศในปัจจุบัน

SOURCE : www.bangkokbiznews.com