เปิดทำเนียบขุมทรัพย์มหาเศรษฐีชั้นนำของโลก หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งแรงในวันจันทร์ (20 ก.ค.) ทำรวยขึ้นกันถ้วนหน้า นำโดย “เจฟฟ์ เบซอส” ที่มั่งคั่งขึ้นกว่า 4 แสนล้านบาทในวันเดียว

เมื่อวันจันทร์ ดัชนีแนสแด็ก (Nasdaq) ตลาดหุ้นนิวยอร์กของสหรัฐ ทำสถิติแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยปิดที่ 10,767.09 จุด เพิ่มขึ้น 263.90 จุด (2.51%) ทุบสถิติเดิมเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งปิดที่ 10,547.75 จุด อานิสงส์จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งแรง นำโดย “อเมซอน” (Amazon.com) ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกออนไลน์ที่ปิดเพิ่มขึ้นเกือบ 8% ส่งผลให้บรรดามหาเศรษฐีธุรกิจไฮเทคต่างมีมูลค่าทรัพย์สินพุ่งพรวด

ดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านบลูมเบิร์ก (Bloomberg Billionaires Index) ชี้ว่า มูลค่าความมั่งคั่งสุทธิของ “เจฟฟ์ เบซอส” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท Amazon.com เพิ่มขึ้น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 4.11 แสนล้านบาทในวันเดียว หลังหุ้นบริษัททะยาน 7.9% ทำให้มูลค่าตลาด Amazon เพิ่มเป็น 1.59 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 20 ก.ค.

การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น Amazon ครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2561 ผลจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์บนเว็บไซต์ Amazon ที่ปัจจุบันขยายตัว 73% แล้วในปีนี้

ตั้งแต่เข้าปี 2563 ถึงปัจจุบัน เบซอส มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลก วัย 56 ปี มีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 1.893 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่าสหรัฐ ยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะขาลงทางเศรษฐกิจครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ “ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่” (Great Depression)

หากถามว่าปัจจุบัน ซีอีโอ Amazon อู้ฟู่ขนาดไหน เฉพาะมูลค่าความมั่งคั่งส่วนตัวของเขาก็แซงหน้ามูลค่าตลาดของยักษ์ใหญ่อย่าง Exxon Mobil Corp. (เอ็กซอน โมบิล) บริษัทพลังงาน, McDonald’s Corp. (แมคโดนัลด์) เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด และ Nike Inc. (ไนกี้) แบรนด์อุปกรณ์และเสื้อผ้ากีฬา ซึ่งมีมูลค่า 1.79 แสนล้านดอลลาร์, 1.42 แสนล้านดอลลาร์ และ 1.18 แสนล้านดอลลาร์ ตามลำดับ

ขณะที่ราคาหุ้นที่พุ่งแรงของ Amazon ยังส่งผลให้ “แมคเคนซี เบซอส” อดีตภรรยาของเจฟฟ์ เบซอส รวยขึ้นไปด้วยถึงเกือบ 4,600 ล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ และกลายเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดอันดับ 13 ของโลกในดัชนีมหาเศรษฐีบลูมเบิร์ก ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 6.31 หมื่นล้านดอลลาร์

หลังหย่าขาดจากอดีตสามี แมคเคนซีได้รับส่วนแบ่งทรัพย์สินเป็นหุ้นบริษัท Amazon ในสัดส่วน 25% ของที่เบซอสถือครอง หรือ 4% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท

 

ส่วนหุ้นของยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายอื่น ๆ ต่างพุ่งแรงเช่นกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนจำเป็นต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้านช่วงโรคโควิด-19 ระบาดและใช้งานโซเชียลมีเดียและช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น รวมถึงความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของรัฐบาลและธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ

นอกจากเบซอสแล้ว ข้อมูลจากดัชนีมหาเศรษฐีบลูมเบิร์กชี้ว่า “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft (ไมโครซอฟท์) และมหาเศรษฐีเบอร์ 2 ของโลก มั่งคั่งขึ้น 671 ล้านดอลลาร์ เป็น 1.18 แสนล้านดอลลาร์ หลังหุ้นบริษัทปิดทะยาน 4.3% ในวันเดียวกัน

ขณะที่ “มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก” ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook (เฟซบุ๊ค) โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ ซึ่งมีความมั่งคั่งเป็นอันดับ 4 ในดัชนีบลูมเบิร์ก รวยขึ้น 1,250 ล้านดอลลาร์ เป็น 9.31 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังหุ้นบริษัทปิดบวก 1.4%

ตั้งแต่เข้าปี 2563 ถึงปัจจุบัน มูลค่าทรัพย์สินของซักเคอร์เบิร์กเพิ่มขึ้นเกือบ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว แม้ว่า Facebook ต้องรับมือกับกระแสแบรนด์ดังแห่บอยคอตลงโฆษณาในแพลตฟอร์ม

อีกคนที่น่าจับตาคือ เจ้าของธุรกิจรถพลังงานไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ อย่าง “อีลอน มัสก์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท Tesla Inc. (เทสลา อิงค์) ซึ่งมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 5,740 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว รวมเป็น 7.45 หมื่นล้านดอลลาร์หลังหุ้นบริษัทพุ่งแรง 9.47% ทำให้มูลค่าตลาด Tesla เพิ่มเป็นกว่า 2.63 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันจันทร์

คนสุดท้ายคือ “เซอร์เก บริน” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Alphabet (อัลฟาเบท) และบริษัท Google (กูเกิล) ซึ่งมั่งคั่งเป็นอันดับ 10 ในดัชนีบลูมเบิร์ก มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1,890 ล้านดอลลาร์ รวมเป็น 7.15 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังหุ้นบริษัทแม่ของ Google ปิดเพิ่มขึ้น 3.1% ในวันเดียวกัน

สำหรับภาพรวมหุ้นกลุ่มยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี เช่น Amazon, Tesla, Microsoft, Apple, Alphabet, Facebook และ Netflixมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นรวมกันกว่า 2.91 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9.2 ล้านล้านบาทในวันเดียว โดย Amazon มีมูลค่าตลาดทะยานมากที่สุดในกลุ่มนี้ถึง 1.17 แสนล้านดอลลาร์

SOURCE : www.bangkokbiznews.com