รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ทำการประเมินผลการดำเนินการของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือ ไอแบงก์ ตามแผนฟื้นฟู รอบ 3 เดือนแรกของปี หรือภายในสิ้นรอบเดือนมีนาคมนี้ พบว่า ธนาคารไม่สามารถทำตามเป้าหมายของแผนฟื้นฟูที่ตั้งไว้ ทั้งเรื่องการแต่ลดหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) จากสิ้นปี 2557 มีอยู่ประมาณ 50,000 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้นเป็น 57,000 ล้านบาท มากกว่า 50% ของสินเชื่อคงค้าง ซึ่งที่หนีเสียเพิ่มเป็นรายใหญ่และไม่ใช่ลูกค้าอิสลาม นอกจากนี้ การปล่อยสินเชื่อใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยที่เป็นลูกค้าอิสลาม ก็อยู่ในช่วงของ
การทำแผนเท่านั้น รวมถึงการแก้ไขการบริหารภายในยังมีความล่าช้า รวมถึงการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้แบงก์เสียหาย ก็ยังไม่สามารถดำเนินการเอาผิดกับใครได้ "การประเมินผลการฟื้นฟูของไอแบงก์ที่ผ่านมาถือว่าสอบตก ซึ่งกระทรวงการคลังจะต้องรายงานให้คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซุปเปอร์บอร์ด รับทราบ ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะที่ผ่านมาทางซุปเปอร์บอร์ดยังไม่เคยอนุมัติแผนฟื้นฟูของไอแบงก์ เพียงแต่ให้ไปฟื้นฟูกิจการและลองประเมินผล 3 เดือน ว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งการที่หนี้เสียเพิ่มขึ้นดังกล่าว การเพิ่มทุนอีก 15,000 ล้านบาท ตามที่ธนาคารขอมาตามแผนฟื้นฟูก็คงไม่พอ” สำหรับการประเมินผลของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ ถือว่าทำได้ดีตามที่ตั้งเป้าหมายที่ตั้งไว้ในแผนฟื้นฟู แม้ว่าการลดหนี้เสียยังทำได้ไม่มากจากสิ้นปี2557 อยู่ที่ 33,000 ล้านบาท และปัจจุบันอยู่ที่ 32,000 ล้านบาท แต่แผนการบริหารแก้ไขหนี้เสียมีความชัดเจน และเริ่มปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม คาดว่าในภายในสิ้นปีนี้หนี้เสียจะสามารถลดลงอีกมาก นอกจากนี้ เอสเอ็มอีแบงก์ยังแก้ไขปัญหาการบริหารภายใน โดยตั้งกรรมการผู้จัดการมาทำงานเต็มเวลา และสามารถจัดการเอาผิดกับผู้ที่ทำให้ธนาคารเสียหาย มีทั้งอดีตกรรมการผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ รวมถึงลูกค้า ทำให้กระทรวงการคลังมั่นใจว่าเอสเอ็มอีแบงก์ฟื้นฟูได้ดี จากที่ตอนแรกฐานะย่ำแย่กว่าไอแบงก์ แต่ตอนนี้กลับมีฐานะดีกว่าไอแบงก์มาก โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเสนอให้นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง อนุมัติจ่ายเงินเพิ่มทุนให้เอสเอ็มอีแบงก์ 2,000 ล้านบาท ในเร็วๆ นี้

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด Photo credit by : startupist.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : แนวหน้า