กระทรวงการคลังเสนอให้นำที่ดินย่านมักกะสันกว่า 512 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ พร้อมเตรียมพัฒนาโครงการ "มักกะสันคอมเพล็กซ์" ที่วางแผนมากว่า 10 ปี ให้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและศูนย์กลางธุรกิจ คาดโครงการมีมูลค่ามากกว่า 300,000 ล้านบาท


ภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือซูเปอรร์บอร์ด ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบแผนฟื้นฟูรัฐวิสาหกิจที่มีปัญหาขาดทุน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการแก้ปัญหาหนี้สินที่มีอยู่ประมาณ 80,000 ล้านบาทของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยกระทรวงการคลังเสนอว่าควรนำที่ดินย่านมักกะสันมาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเตรียมพัฒนาโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ ที่วางแผนมากว่า 10 ปี สำหรับโครงการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หรือที่เรียกกันว่า "มักกะสันคอมเพล็กซ์" เป็นแผนพัฒนาพื้นที่ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 เพื่อหารายได้จากที่ดินในความครอบครอง ของร.ฟ.ท. ซึ่งประสบปัญหาการบริหารกิจการและมีหนี้สินสะสม โดยพื้นที่ย่านมักกะสันมีขนาด 512 ไร่ ในทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองและเป็นจุดเชื่อมระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับศูนย์กลางเมืองธุรกิจ (แอร์พอร์ตลิงค์) ตามแผนพัฒนาโครงการฯ จะทำให้เป็นพื้นที่รองรับกิจกรรมธุรกิจต่างๆ แบ่งพื้นที่การพัฒนาออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วยโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ โครงการศูนย์จัดแสดงสินค้า โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ก่อนหน้านี้มีการศึกษารูปแบบโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ไว้ 3 แนวทาง คือ เปิดพื้นที่ให้เอกชนเข้ามาสัมปทานเช่าเป็นระยะเวลา 34 ปี ซึ่งแนวทางนี้ ร.ฟ.ท.จะมีรายได้จากโครงการแน่นอน, จัดการเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน โดยร.ฟ.ท. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งแนวทางนี้แม้จะให้ผลตอบแทนมากกว่าแนวทางแรก แต่ ร.ฟ.ท. จะมีความเสี่ยงร่วมกับผู้ลงทุน และแนวทางการจัดตั้งบริษัทลูกของ ร.ฟ.ท. เพื่อมาดำเนินการให้เช่าหรือสัมปทานพื้นที่ให้เอกชนเข้ามาลงทุน ซึ่งแนวทางนี้ถือว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุด ทั้งนี้ เมื่อมีการลงทุนคอมเพล็กซ์แบบครบวงจร ประเมินว่าโครงการจะมีมูลค่ามากกว่า 300,000 ล้านบาท ถึงแม้นโยบายพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันจะช่วยเพิ่มรายได้และแก้ปัญหาหนี้สินของ ร.ฟ.ท. แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีคนส่วนหนึ่งต้องการให้พัฒนาพื้นที่มักกะสันเป็นสวนสาธารณะ และคัดค้าน "มักกะสันคอมเพล็กซ์" ว่าเป็นการทำลาย "พื้นที่สีเขียว" ซึ่งทำหน้าที่เป็นปอดของคนกรุงเทพฯ นอกจากนี้บางส่วนยังคัดค้านการรื้อโรงงานรถไฟมักกะสันอายุกว่าร้อยปีทิ้ง เพื่อก่อสร้างอาคารพาณิชย์สมัยใหม่ โดยเห็นว่าควรทำเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บรักษามรดกสถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้

หมายเหตุ : ภาพประกอบบทความ บางภาพไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาแต่อย่างใด Photo credit by : bloggang.com

ขอบคุณข้อมูลจาก : Thai PBS