สภาตลาดทุนยัน "แอลทีเอฟ" หนุนตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ มนุษย์เงินเดือนได้ประโยชน์ ไม่ใช่คนรวย เตรียมหารือขุนคลังคนใหม่ ชี้หากไม่ต่ออายุลดหย่อนภาษี จ่อชงกองทุนรูปแบบใหม่แบบผสม ถือครองยาวขึ้น 6-8 ปี…. เมื่อวันที่ 15 ก.ย. นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และรักษาการประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ทางสภาตลาดทุนไทยเตรียมเข้าพบ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลังคนใหม่ เพื่อพูดคุยถึงการจะคงอยู่ หรือการยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะหมดอายุในปี 2559 หากไม่มีการต่ออายุ ทางสภาตลาดทุนไทยจะเสนอกองทุนในรูปแบบใหม่ ที่จะมีรูปแบบผสม ระหว่างสัดส่วนการลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานหุ้น รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้มีความหลากหลายในกองทุนมากขึ้น จากเดิม LTF จะลงทุนในหุ้นทั้งหมด ขณะที่ระยะเวลาการถือหน่วยลงทุน อาจจะมีการปรับเปลี่ยนให้ถือครองยาวขึ้นเป็น 6-8 ปี จากเดิมระยะ 5 ปี ทั้งนี้ สภาตลาดทุนไทยยังมีการสนับสนุนในกองทุน LTF อยู่ เนื่องจากมองว่ากองทุนนี้เป็นส่วนช่วยให้ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพ จากสัดส่วนนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มขึ้น จากเมื่อ 8 ปีก่อน ก่อนมีกองทุน LTF มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันเพียง 5-6% ของมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ปัจจุบันเพิ่มเป็น 9-10% ซึ่งยังมองว่าเป็นระดับต่ำ รัฐบาลควรสนับสนุนให้มีกองทุนดังกล่าวต่อไป ซึ่งเป็นส่วนช่วยกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ระดับกลาง ที่ต้องการลงทุนเพื่อได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก โดยมองว่ากองทุนนี้ไม่ได้เป็นกองทุนที่ช่วยในกลุ่มคนรวยแต่อย่างใด ส่วนตลาดหุ้นไทยในระยะนี้จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เพื่อรอดูการทำงานของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ว่าจะสามารถทำได้ตามโรดแม็ปที่วางไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ปัจจุบันมองตลาดหุ้นไทยอาจมีความผันผวนค่อนข้างมาก จากที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กมากขึ้น โดยมองดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ใกล้ 1,600 จุด เป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แต่หากรัฐบาลสามารถดำเนินแผนตามนโยบายต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยในปี 2558 เมื่อรวมกับปัจจัยผลประกอบการในปี 2558 ดัชนีระดับนี้ยังถือว่าไม่แพง แต่ถ้ามองเฉพาะกำไร บจ.ปีนี้ถือว่าแพงแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าปี 2558 ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นหรือลง เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่จะเข้ามากระทบ เช่น สถานการณ์ต่างๆ ในต่างประเทศ รวมถึงการทำงานของรัฐบาลจะสามารถทำได้ตามแผนหรือไม่ สำหรับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กลางสัปดาห์นี้ นักลงทุนได้ติดตามการส่งสัญญาณการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยว่าจะปรับตัวขึ้น เร็วกว่าที่นักลงทุนคาดหรือไม่ เชื่อว่าเฟดจะไม่รีบปรับดอกเบี้ยขึ้น ซึ่งหากมีการส่งสัญญาณปรับดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าที่คาดอาจมีแรงเทขายหุ้นออก มาบ้างแต่ไม่มากนัก ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะหมดลงในเดือน ต.ค. เชื่อว่าตลาดจะไม่มี ความกังวลในเรื่องนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีการรับรู้ไปเกือบหมดแล้ว. ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์