เจอครหาผลประโยชน์ทับซ้อนอีกครั้ง น้องสาวของจาเร็ด คุชเนอร์ เขยขวัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินสายเกลี้ยกล่อมมหาเศรษฐีแดนมังกรลงทุนในธุรกิจของตระกูล ยกโครงการให้ "กรีนการ์ด" นักธุรกิจที่มาลงทุนสร้างงานในสหรัฐเป็นจุดขาย โอ่พี่ชายเคยบริหารธุรกิจ แต่ตอนนี้ทำงานให้รัฐบาลแล้ว นักจริยธรรมชี้ เท่ากับบอกเป็นนัยว่าตระกูลนี้ช่วยเรื่องวีซ่าได้

นิโคล คุชเนอร์ เมเยอร์ น้องสาวของจาเร็ด คุชเนอร์ อยู่ระหว่างการเดินสายกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาทางธุรกิจต่อบรรดานักลงทุนชาวจีน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เธอได้กล่าวในงานที่โรงแรมริตซ์-คาร์ลตันในกรุงปักกิ่ง ซึ่งมีนักลงทุนมากกว่า 100 คนเข้าร่วมฟัง

สื่ออเมริกันทั้งนิวยอร์กไทมส์, วอชิงตันโพสต์ และซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เมเยอร์พยายามชักชวนมหาเศรษฐีชาวจีนเข้ามาลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ของคุชเนอร์คอมปานีส์ ชื่อโครงการวันเจอร์นัลสแควร์ ซึ่งเป็นอาคารระฟ้า 2 หลัง ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างในรัฐนิวเจอร์ซีย์

รายงานข่าวกล่าวว่า นักลงทุนในงานได้รับฟังคำชี้ชวนว่า หากพวกเขาลงทุนในโครงการนี้เกิน 500,000 ดอลลาร์ (ราว 17.34 ล้านบาท) พวกเขาก็อาจได้เป็นผู้พักอาศัยในสหรัฐตามโครงการเงินแลกวีซ่า อีบี-5 หรือที่ชาวจีนเรียกว่า "วีซ่าทองคำ"

โครงการอื้อฉาวที่ว่านี้เสนอให้สิทธิผู้อาศัยถาวรในสหรัฐหรือกรีนการ์ดแก่ชาวต่างชาติ เพื่อแลกกับการเข้ามาลงทุนอย่างน้อย 500,000 ดอลลาร์ในธุรกิจของสหรัฐที่สร้างงานให้แก่คนอเมริกันอย่างน้อย 10 ตำแหน่ง

ซีเอ็นเอ็นกล่าวว่า เมเยอร์ได้อ้างอิงถึงตำแหน่งปัจจุบันของพี่ชายในทำเนียบขาวเพื่อชักจูงใจผู้ฟังด้วย "ในปี 2551 จาเร็ด คุชเนอร์ พี่ชายของดิฉันเข้าทำงานในบริษัทของครอบครัวในตำแหน่งซีอีโอ และเขาเพิ่งย้ายไปวอชิงตันเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อเข้าทำงานกับรัฐบาล"

จาเร็ด คุชเนอร์ วัย 36 ปี เป็นสามีของอีวานกา ทรัมป์ บุตรีคนโตของประธานาธิบดีทรัมป์ ปัจจุบันทั้งเขาและภรรยาทำหน้าที่ที่ปรึกษาทำเนียบขาว และมีอิทธิพลอย่างสูงต่อการกำหนดนโยบายในประเทศและต่างประเทศ

เว็บไซต์ของเดอะการ์เดียนกล่าวว่า นิวยอร์กไทมส์และวอชิงตันโพสต์ ซึ่งผู้สื่อข่าวต่างถูกเชิญออกจากงานสัมมนาในเวลาต่อมา รายงานว่า เมเยอร์กล่าวต่อนักลงทุนจีนด้วยว่า โครงการที่นิวเจอร์ซีย์นี้มีความสำคัญอย่างมากต่อตัวเธอและทั้งครอบครัวของเธอ

ในสไลด์ที่แสดงระหว่างการขายโครงการบรรยายถึงทรัมป์ด้วยว่า เป็นผู้ตัดสินใจสำคัญในโครงการวีซ่า อีบี-5 ที่ว่านี้

"ลงทุน 500,000 ดอลลาร์ แล้วย้ายถิ่นฐานไปสหรัฐ" วอชิงตันโพสต์อ้างข้อความในโบรชัวร์ของงาน

แม้จาเร็ด คุชเนอร์ จะวางมือจากธุรกิจของครอบครัวแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม แต่การที่ครอบครัวของเขาพยายามใช้ความเชื่อมโยงกับเขาและทรัมป์มาเรียกร้องเงินลงทุนจากจีน ก็เรียกเสียงวิจารณ์ไม่น้อยในสหรัฐ คนวงในของวอชิงตันกล่าวกันว่า จาเร็ด คุชเนอร์ เป็นตัวละครหลักที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงดีขึ้น และเขายังเป็นตัวละครสำคัญที่ติดต่อกับชุยเทียนไค่ เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ

ริชาร์ด เพนเตอร์ อดีตนักกฎหมายด้านจริยธรรมของทำเนียบขาวสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช กล่าวกับวอชิงตันโพสต์ว่า ความพยายามดึงดูดนักลงทุนจีนครั้งนี้ "โง่เง่าอย่างเหลือเชื่อและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง" เป็นการบอกเป็นนัยว่า พวกคุชเนอร์จะทำให้มั่นใจได้ว่าพวกนักลงทุนจีนจะได้วีซ่า แน่นอนว่าพวกเขาต้องอยากมาลงทุน

โนอาห์ บุคไบน์เดอร์ จากองค์กรพลเมืองเพื่อความรับผิดชอบและจริยธรรมในวอชิงตัน บอกกับนิวยอร์กไทมส์ว่า วิธีการนี้อาจถูกตีความได้ว่าเป็นการขายสิทธิในการเข้าถึงจาเร็ด คุชเนอร์.

ขอบคุณข้อมูลจาก thaipost จากหัวข้อข่าว : ครอบครัวลูกเขย ทรัมป์ จีบทุนจีน